กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอหนึ่ง ซึ่งปรากฏภาพชายสูงวัย กำลังเข็นรถสามล้อขายไอศกรีมแบบตัก หน้าศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กทม. แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งทำท่าเหมือนเปิดดูตะกร้าหน้ารถของลุง แต่ไม่ได้หยิบอะไรไป
และในขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหน้าที่อีกรายได้หยิบเอากระป๋องสีขาวบางอย่างของลุงไปใส่ไว้ท้ายรถกระบะที่นำออกมาปฎิบัติงาน ทำให้ชาวเน็ตตั้งตำถามกันว่ากระป๋องที่หยิบไปนั้น เป็นกระป๋องสำหรับใส่เงินของลุงหรือไม่
กระทั่งแฟนเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเขตดินแดง ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า “สำนักงานเขตดินแดง ขอชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เสนอคลิปเจ้าหน้าที่เทศกิจยึดสิ่งของจากผู้ค้าบริเวณหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่นำกระป๋องเงินของผู้ค้าไปนั้น
สำนักงานเขตดินแดง ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เทศกิจในการดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มารับการบริการวัคซีนโควิด-19 บริเวณกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 17 ก.ย.64 ซึ่งในระหว่างนั้น มีประชาชนมารอรับบริการจำนวนมาก และมีผู้ค้ารถเข็นหลายรายนำสินค้ามาจำหน่าย เจ้าหน้าที่เทศกิจจึงได้ประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่ายสินค้า และจอดรถกีดขวางบนถนน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจราจร จึงเป็นเหตุให้มีการจับกุมดังกล่าว
ตามภาพที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำไปลงนั้น เจ้าหน้าที่เทศกิจได้ดำเนินการกวดขันผู้ค้าไอศกรีม ซึ่งฝ่าฝืนในลักษณะนี้เป็นประจำและมีอยู่เพียงรายเดียว ที่ยังคงฝ่าฝืนมาโดยตลอด ซึ่งได้เคยประชาสัมพันธ์ตักเตือนไปแล้วหลายครั้ง แต่ยังคงฝ่าฝืนขายสินค้าในบริเวณดังกล่าว ในวันที่เกิดเหตุนั้นมีการจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้เคลื่อนย้าย แต่ยังคงฝ่าฝืน
สำหรับผู้ค้าไอศกรีมที่ปรากฏตามคลิปนั้น เป็นการจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดปรุงอาหาร ขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือในสถานสาธารณะ ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจพบการกระทำความผิด จึงได้ดำเนินการจับกุมพร้อมยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดไปประกอบการดำเนินคดี (มาตรา 50)
ทั้งนี้ ในการจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ยึดกระป๋องใส่อุปกรณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ใส่ไอศกรีม มิใช่กระป๋องใส่เงิน และไม่ได้ยึดรถเข็นเป็นของกลางแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสำนักงานเขตดินแดงได้กำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในภาคสนาม ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ และหลีกเลี่ยงการดำเนินการใด ๆ ที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจคุกคามต่อสภาพจิตใจของประชาชน อย่างเคร่งครัดต่อไป สำนักงานเขตดินแดง ขอขอบพระคุณที่ได้แจ้งเรื่องเข้ามา ณ โอกาสนี้”
ล่าสุดวันที่ 18 ก.ย.64 นายบุญศรี สายสุ่ย หรือ ลุงบุญ อายุ 59 ปี เล่าให้ฟังว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นจุดที่ตนขับผ่านทุกเช้า-เย็นตลอด 8 ปี ที่ทำงานขายไอศกรีม ซึ่งช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงประมาณ 10.00 น. ตนแวะซื้อกาแฟร้านประจำ ก่อนที่จะกลับมายังรถ เอากาแฟแขวนไว้ที่หัวรถ พร้อมคุยกับเพื่อนที่รู้จักประมาณ 2-3 นาที จู่ ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่เทศกิจประมาณ 5 คนขับรถมาประชิดตน แล้วลงมาไม่พูดไม่จาอะไร จะดึงร่มของตนไปอย่างเดียว ตนก็บอกว่า “เดี๋ยวไปแล้ว ๆ” แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สนใจ เปลี่ยนมาหยิบกระป๋องใส่ท็อปปิ้งของตนไป
หลังจากเจ้าหน้าที่เทศกิจ ขับรถออกไป ตนยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำมาหากินต่อ จึงไปหาซื้อกระป๋องใหม่ 4 อันเพื่อใส่ท็อปปิ้งที่มีอยู่ หมดไป 100 บาทและปั่นไปขายตามปกติ ซึ่งวันนี้จากที่มีการแถลงของสำนักงานเขตดินแดง อ่านแล้วก็เสียความรู้สึก เหมือนกำลังจะบอกว่าตนดื้อ แต่จริง ๆ แล้วตนไม่เคยดื้อ และมันไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาเวลามีเจ้าหน้าที่มาเตือนว่าห้ามจอดตรงไหน ตนก็เชื่อฟังตลอด จึงอยากจะถามว่าที่แถลงออกมาแบบนี้ คิดจะไม่ให้ตนผ่านเลยหรืออย่างไร แล้วการที่ตนจอดแวะซื้อกาแฟร้านประจำมันผิดมากเลยหรือ
หากจะถามว่าหลังเกิดเหตุ จะกลับไปขายถนนเส้นเดิมอีกหรือไม่ จริง ๆ แล้วก็ขับผ่านประจำ แต่ 2-3 วันหลังจากนี้ก็คงยังไม่ไป ส่วนบัตรประจำตัวกับสมุดบัญชีก็คงไปเอาวันจันทร์ แต่ของอย่างอื่นก็คงปล่อยไว้ เพราะซื้อใหม่หมดแล้ว และก็ไม่เห็นว่าจะมีเจ้าหน้าที่ส่วนไหนติดต่อมาขอโทษ
สำหรับหลาย ๆ คนที่ให้กำลังใจ ตนขอขอบคุณแฟนคลับทุกคน เพราะปกติถ้าไม่มีโควิด-19 ตนจะขายได้กำไรวันละประมาณ 1,000 บาท พอมีโควิด-19 ก็อยู่ที่ 500-600 บาท แต่วันนี้กระแสดี ขนาดของยังไม่หมด ยังได้กำไรมา 1,300 บาทแล้ว ในขณะที่ต้นทุนแต่ละวัน 1,000 บาท เพราะลูกค้าบางคนซื้อแค่ 1 ถ้วย ราคา 10 บาท ก็ให้เงินมา 100 บาท จึงอยากขอบคุณทุกคนมาก ๆ
ต้องบอกว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ปัจจุบันลุงบุญมีแฟนคลับแล้ว อย่าง “พี่หนุ่ม” อายุ 38 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านถนนวิภาวดีรังสิต บอกว่า ปกติจะเรียกซื้อไอศกรีมลุงประจำนานกว่า 2 ปีแล้ว เพราะลุงเป็นพ่อค้าที่สบาย ๆ เฮฮากับลูกค้า บางทีก็แถม ไม่เรื่องมาก เอาใจลูกค้าตลอด แต่พอเห็นว่ามีกระแสเกิดขึ้นก็สงสารลุงเหมือนกัน ในวันนี้เท่าที่ตนเห็นก็รู้ว่ามีลูกค้าหลายคนอยากสมัครเป็นแฟนคลับ เช่นเดียวกับตน หากลุงเปิดให้สมัครก็อยากสมัครด้วย ยินดีกับลุงที่ขายได้เยอะ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 แบบนี้ ส่วนกระแสดราม่าตนก็ต้องรอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ก็เห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง เพราะฝั่งเจ้าหน้าที่ก็ปฎิบัติหน้าที่ ส่วนลุงก็ต้องทำมาหากิน
นางสมคิด สุทธิสน อายุ 44 ปี แม่ค้าอยู่ในจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 10.00 น. ของเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.64) โดยลุงในคลิปมักจะขับรถสามล้อมาขายไอศกรีมประจำ แล้วก็จะแวะซื้อน้ำร้านข้าง ๆ ตน เพื่อเติมพลังก่อนออกไปขาย หลังซื้อน้ำเสร็จ ก็มีลูกค้ามาซื้อไอศกรีมลุง 1 คน ลุงก็เลยต้องแวะขาย แล้วระหว่างนั้นก็มีรถเทศกิจขับมาจอดเทียบ เดินปรี่ไปที่ลุงแล้วหยิบกระป๋องใส่ข้าวเหนียวของลุงไป โดยตอนนั้นลุงก็พยายามพูดขอร้อง แต่ก็ไม่เป็นผล
ทั้งนี้ ตนก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จึงบอกให้สามีเดินไปหาลุงแล้วถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมตำหนิพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนนั้นที่เห็นสีหน้าแววตาของลุงน่าสงสารมาก ๆ ชาวบ้านจึงบอกว่าจะพาไปที่ สน.ดินแดง เพื่อให้ตำรวจชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลุงไม่ไป ขอขับไปขายในจุดอื่นต่อ แล้วก็เห็นว่ากลับมาอีกทีประมาณ 19.00 น. เพราะบ้านของลุงอยู่ในซอยประชาสงเคราะห์ 2 แยก 14
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตดินแดงได้ชี้แจงว่าลุงทำให้การจราจรติดขัด ตนยอมรับว่าประชาชนเดินทางมาฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ใช้หัวใจคิด เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ยิ่งช่วงนี้ภาวะวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจก็ไม่ดี ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตก็อยากให้อะลุ่มอล่วยพ่อค้าแม่ขายบ้าง