แฉ! เหยื่อฝืนกฎค่ายนรกสั่งอดข้าวตาย แต่แจ้งญาติป่วยดับ เผย 4 กู้ภัยตีนโหดคุมหวั่นหนี (คลิป)

จากกรณีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา นำผู้เสียหายมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังพบว่าไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และช่วยทั้งหมดออกจากศูนย์นั้น

สำหรับจำนวนเดิมที่ได้รับการช่วยเหลือ 344 คน นำย้ายไปที่เขาชนไก่ 254 คน เหลือ 90 คน และญาติรับกลับแล้ว 78 คน ปัจจุบันคงเหลือ 12 คน

วันที่ 21 ก.ย. 64 นายบี (นามสมมติ) ผู้บำบัด ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในศูนย์บำบัด เปิดเผยว่า ตนมาอยู่ประมาณ 10 เดือนแล้ว เพราะแม่ของตนอยากจะให้บำบัด และเห็นว่าตนชอบไปทำบุญ เลยคิดว่าถ้าให้มาอยู่ที่วัดน่าจะดีกว่า ขณะที่ถูกบำบัดตนถูกจับทำร้ายทุกรูปแบบ ได้แก่ เตะต่อย และซ้อม ทั้งท่อนไม้และเหล็ก อีกทั้งถ้าหนีแล้วจับได้ เมื่อกลับมาจะถูกใส่กุญแจมือ ระบบการจัดการด้านในทุกคนต้องดูแลกันเอง และมีการแบ่งการดูแลเป็นหมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสุพรรณ บ้านสุพรรณสอง บ้านนนท์ บ้านอีสาน บ้านกทม. บ้านแพ้ว บ้านกาญจนบุรี บ้านพระ ซึ่งทุกบ้านจะมีผู้ใหญ่บ้านดูแล สำหรับตนส่วนใหญ่ทุกคนจะมองว่าตนเป็นหัวหน้า และมองว่าตนเป็นผู้ดูแล

ตั้งแต่ตนมาอยู่ที่นี่มีคนเสียชีวิต 2 คน ซึ่งรายแรกระหว่างที่สวดมนต์ได้เกิดหมดสติ เพราะอายุเยอะ และขาดสารอาหาร สำหรับรายที่สองเป็นลมขาดสติ และเสียชีวิต หลังจากที่เสียชีวิตผู้คุมได้เข้ามาดูแต่ยังไม่ได้แจ้งทันที และยังไม่ได้ทำอะไร รอสักพักก่อนจะติดต่อญาติพี่น้อง ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตจากผลชันสูตรพบว่าปอดติดเชื้อ

ส่วนใหญ่ทุกคนจะเสียชีวิตเพราะร่างกายอ่อนแอ และบางคนพยายามจะฆ่าตัวตาย โดยนำเชือกลงมาจากขื่อ และจะรัดคอลงมาแต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้คุมคอยดูอยู่ตลอด สำหรับคนที่มีอาการหนักสุดมีจำนวน 2 ราย หนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล เพราะติดเชื้อ และเคยมีรายหนึ่งต้องผ่าตัดบริเวณช่องท้อง

ทั้งนี้ ตนได้ออกมาอยู่ข้างนอก 2 เดือนแล้ว เพราะตนอยู่ใกล้จะครบ 1 ปี ซึ่งเป็นเวลาใกล้กลับบ้านแล้ว และเจ้าหน้าที่ต้องการระบายคนออกจากห้อง ขณะนี้ตนยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป และกำลังไปเจอแม่ก่อน ส่วนคนอาการหนักสุด คืออยู่นานที่สุด 7 ปี เริ่มเบลอ และไม่รู้เรื่องแล้ว

นอกจากนี้พ่อแม่ที่พามาที่นี่อาจจะคิดว่าลูกหลานจะหายดี และบางคนก็ไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหนเลยนำมาทิ้งไว้ที่นี่ ส่วนกิจกรรมตอนอยู่ที่นี่ คือการสวดมนต์ ซึ่งไม่ได้ทำให้เลิกยาจริง ๆ เพราะบางคนติดเหล้าเมามา และบางคนย้ายมาจากโรงพยาบาล แล้วมารักษาที่นี่

นอกจากนี้ วัดแห่งนี้น่าจะมีศูนย์บำบัดลักษณะเหมือนที่นี่อีกประมาณ 10-20 สถานที่ หรืออาจจะมากว่านั้น และอาจจะมีบางส่วนที่ปิดตัวลงไปแล้วเพราะเห็นข่าว จากการที่ตนมาอยู่ที่นี่ตนทั้งได้อะไรหลายอย่าง และต้องสูญเสียอะไรหลายอย่าง และต้องความรู้สึก ต้องเลิกกับแฟนด้วย

กระทั่งทุกคนได้ออกมา เมื่อตนเห็นตนก็รู้สึกดีใจมาก ที่เห็นว่าทุกคนได้ออกมาแล้ว ทั้งนี้ผู้คุมบางคนก็ดี ตนเชื่อว่าพ่อแม่ 90 เปอร์เซ็นต์รับไม่ได้กับสภาพที่เจอ ตนอยากจะพ่อแม่และญาติพี่น้องทุกคนเข้าใจลูกหลานของตนเองก่อน เพราะวิธีการบำบัดมีวิธีแก้ไขหลายวิธี มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้คือควรให้โอกาส ควรคุยกัน นอกจากนี้หน่วนงานภาครัฐในท้องที่เมินเฉยกับเรื่องนี้มาก เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อน ภูธรจังหวัด ปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาสำรวจ และเห็นสภาพแบบที่นักข่าวเห็น โทรรายงานบอกว่าไม่มีอะไร

ตนอยากจะตั้งคำถามว่า หน่วยงานมาหลายครั้งแต่ทำไมถึงดำเนินการไม่ได้ ทำไมต้องรอให้สื่อมากระตุ้นถึงยอมดำเนินการ สำหรับคนที่พูดว่า "ไอ้พวกนี้ติดยา สมควรที่จะมาบำบัด" ตนอยากจะสอบถามว่าสมควรแล้วเหรอที่จะต้องได้รับการบำบัดแบบนี้