แซ่บถึงใจ! “น้ำตาล ชลิตา” แจงเหตุโพสต์แรงถึงป้าข้างบ้าน และตอกกลับแฟนนางงาม พร้อมเล่าความรู้สึกทำหน้าที่ลูกครั้งสุดท้ายให้พ่อ ยอมรับเสียใจที่ได้เจอพ่อเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
“น้ำตาล ชลิตา” ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนกับประเด็นป้าข้างบ้าน จริงๆ คือป้าบ้านฝั่งตรงข้าม คือมันไม่มีอะไร ตนแค่รู้สึกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัว ตนไม่อยากพูดไรเยอะเดี๋ยวเขาฟ้องมา ตนไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายหรือยุ่งเรื่องส่วนตัวของบ้านเขา แต่พอเรารู้มาว่าเขามายุ่งเรื่องส่วนตัวเรา แล้วไปพูดในทางที่มันเสียหายกับเรา บอกไม่รู้จะไปเคลียร์ทำไมเพราะตนไม่ได้สนิทกับเขา แต่เรื่องมันผ่านมาทางแม่
ยอมรับบ้านอยู่ใกล้กันก็อึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะตนซื้อบ้านตรงนั้นแล้วยังผ่อนไม่หมดเลย คิดจะสร้างรั้วจริง ตอนนี้เรียกช่างมาประเมินราคาแล้ว จะทำเป็นสวนให้มันสูงขึ้นจะได้รู้สึกส่วนตัวมากขึ้น ถ้ามาส่องได้อีกเขาก็น่าจะเป็นญาติฝ่ายหนึ่งของเราแล้วแหละ เขารู้ความเคลื่อนไหวของเราหมดเลย ส่วนตัวรู้สึกว่าเขาละเมิดความเป็นส่วนตัวนิดนึง ตนไม่รู้จะไปพูดคุยอะไรกับเขา เขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในชีวิต ไม่ได้ให้เงินตนใช้ เราควรที่จะต่างคนต่างอยู่ กำลังจะติดกล้องวงจรปิดเหมือนกัน ด้านคุณแม่ก็คงยังไปเสวนากับเขาอยู่ ตนก็ห้ามอะไรท่านไม่ได้หรอก
ส่วนประเด็นไลฟ์สดตอกกลับแฟนคลับแรง “น้ำตาล” บอกไม่แรงเลย ตนพูดด้วยอินเนอร์ปกติมาก บอกคนส่วนใหญ่คนจะพูดว่าเป็นนางงามจะต้องเรียบร้อย ต้องอยู่ให้เป็นตัวอย่าง ตนทำมาหมดแล้ว ตอนนี้อยู่ในบริบทที่ใครทำดีด้วยเราก็ทำดีกลับ แต่ถ้ามาไม่ดีแล้วทำไมเราต้องทำดีกับเขาด้วย ตนไม่ด่าใครก่อน แต่ถ้ามาด่าตน ตนก็ด่ากลับ แต่แบบน่ารักๆ นะ วันนั้นเขาเป็นแฟนนางงาม แล้วชอบพูดว่า ถ้า "แอนโทเนีย" มง น้ำตาลก็ตกกระป๋อง ตนเลยรู้สึกว่าเป็นอะไร ต้องการอะไร เขาบอกตนภาษาไม่ได้ ไม่เก่งเลย ตนก็บอกไปว่า ไม่มีใครเท่าแม่มึงหรอก แค่นี้เลย แกล้งๆ หยอกๆ ทำอะไรก็ดราม่าไปหมดพอพูดอะไรเกี่ยวกับนางงาม ตนแค่พูดในฐานะแฟนนางงาม และประสบการณ์ที่เคยผ่านมาเอง กับคำที่บอกว่า ไม่รักษาภาพลักษณ์นางงาม ตนอยากจะบอกว่า หนูอำลาตำแหน่งแล้วค่ะ 6 ปีแล้ว พูดไรก็ได้ Freedom of speech
ส่วนเรื่องคุณพ่อที่เพิ่งผ่านงานศพไป “น้ำตาล” บอกว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกและครั้งสุดท้าย มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เป็นการได้เจอกันที่มันสายไป แต่จริงๆ มีการติดต่อมาเยอะเหมือนกันว่าอยากจะเจอ แต่ด้วยตนเองไม่เคยเจอพ่อตั้งแต่เด็ก อยู่กับแม่มาตลอดด้วย เลยไม่รู้ว่าถ้าเจอเราจะต้องเรียกพ่อหรือต้องเรียกยังไง ทำตัวยังไง คือตนทำตัวไม่ถูกบวกกับเราทำงานด้วยเลยไม่มีโอกาสไปเจอ แต่พอทางคุณพ่อเสียเพื่อนพ่อก็ทักมาบอก ตนเลยเอาให้แม่ดูเลยรู้ว่าเป็นความจริงก็ได้ไปงานศพ เป็นการทำให้ครั้งสุดท้าย ในฐานะลูกตนก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน เราอาจจะไม่ได้มีความผูกพันมาก เลยไม่ได้เฮิร์ตอะไรมาก นอกจากคุณแม่ที่ร้องไห้เพราะอาจจะมีความผูกพันกันมา สำหรับตนไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้าย มีพี่เขาที่เป็นลูกของพ่อก็บอกให้ตนไปขอขมาพ่อ อโหสิกรรมต่อกัน จะได้ไม่มีอะไรผูกมัดกัน ส่วนเรื่องการป่วยของคุณพ่อตนไม่ทราบมาก่อน อันนี้คือการเสียกะทันหัน เพราะหัวใจวาย เท่าที่ถามจริงๆ พ่อเป็นคนแข็งแรง เพราะไม่ได้สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
ส่วนเรื่องความรัก มีหนุ่มคุยแล้ว ก็คุยไปเรื่อยๆ ก็คือคนนั้นแหละ เขาเป็นเหมือนกำลังใจของเรา ตนไม่ได้อยากจะเปิดออกสื่ออะไร เผื่อเลิกกันขี้เกียจมานั่งสัมภาษณ์ เอาเป็นว่าสถานะคือคนรู้ใจ เขาก็ไม่ได้รู้ใจเราทุกเรื่องหรอก ตอนนี้ตนก็อยากให้โฟกัสการทำงานแหละ ยังไม่ได้อยากหนักไปทางความรัก มันก็เหมือนอีกพาร์ทของชีวิต ด้านคุณแม่ก็เรื่อยๆ ไม่ได้ไฟเขียวขนาดนั้น เขาก็ยังหวงอยู่ อยากให้เราทำงานให้มั่นคงในชีวิต
Advertisement