เปิดหมดเปลือกเส้นทางความรักว่าที่บ่าวสาว วุ้นเส้น-นิกม์ เผยสาเหตุไม่เปิดตัวกว่า 2 ปี เพราะยังไม่มั่นใจฝ่ายชาย หัวจะปวดงบงานแต่งที่ฝรั่งเศสบานปลาย!
ว่าที่เจ้าสาว วุ้นเส้น วิริฒิพา เปิดหมดเปลือกเส้นทางความรัก 5 ปี กับว่าที่เจ้าบ่าว นิกม์ ธนะภูมิกุล ที่จะมาเปิดใจก่อนจะบินลัดฟ้าไปจัดงานแต่งงานไกลถึงประเทศฝรั่งเศส ตอนนี้ปวดหัวหนักมากงบจัดงานบานปลายขั้นสุด! เผยสาเหตุอะไรที่ทำให้ว้นเส้นไม่กล้าเปิดตัวนิกม์นานกว่า 2 ปี เปิดจุดเริ่มต้นความรักจากเพื่อนกลายเป็นคนรู้ใจตอนไหน ในรายการคุยแซ่บshow
นับถอยหลังอีกไม่กี่วันแล้ว ?
วุ้นเส้น : วันนี้วันที่ 26 อีกประมาณไม่เกิน 20 วัน
ไปแต่งงานที่ฝรั่งเศสยุ่งยากมั้ย ?
วุ้นเส้น : เหนื่อยมาก แต่มันเป็นสิ่งที่พรหมลิขิตมันคงเป็นอย่างนี้ เพราะว่าตอนแรกเราคิดว่าถ้าขั้นตอนมันเยอะหรือเราแต่งในไทยดี จุดเริ่มต้นมาจากนิกม์ขอแต่งงานที่ฝรั่งเศสแล้วหลังจากนั้นบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์เขาติดต่อมาว่าเห็นคุณวุ้นคุณนิกม์ขอที่นั่น เผื่ออยากจะแต่งที่ฝรั่งเศสมั้ย เขายินดีที่จะช่วยทำ ตอนนั้นเราก็คิดไม่ออกว่าจะแต่งที่ไหน ตอนแรกจะแต่งเล็กๆ ตอนนั้นเราจะไปแชมเปญใช่ป่ะ
นิกม์ : ใช่ๆ เพราะเราขอที่นั่นตอนแรกเราก็อยากแต่งที่นั่นที่ชาโตว์ที่เราขอแต่ว่าเขาไม่ค่อยเปิด
วุ้นเส้น : เขาบอกว่าเมืองนั้นไม่ค่อยมีใครจัดงานแต่งงาน ปีนึงกี่ครั้งนะ
นิกม์ : 3 ครั้งได้
3 ครั้งที่สามารถจัดงานแต่งานได้ ?
วุ้นเส้น : ใช่ เราก็เลยรู้สึกว่าคงต้องเปลี่ยนแผนแล้วแต่ก็ยังอยากฝรั่งเศสอยู่ จริงๆอยากจัดที่นั่นเพราะว่าอยากจะใกล้ชิดนิดนึง ไม่ต้องหรูหรา อยากจะแต่งในสวน อยู่เอ้าท์ดอร์อย่างเดียวไม่มีแอร์ ทุกคนจะคิดว่ามันจะหรูหราหรือเปล่า มันไม่ได้หรูนะมันจะเอ้าท์ดอร์สบายๆ มันเป็นคาแร็คเตอร์ของเรา 2 คนด้วย วุ้นกลางๆชอบอะไรที่เรียบง่าย คนไม่เยอะดูอบอุ่น ที่นี่ก็ตอบโจทย์
งานที่บอกเล็กๆ แต่ชุดเจ้าสาวไม่ธรรมดา 3 ชุด
วุ้นเส้น : 3 ชุดธรรมดา
เห็นว่าตั้งงบไว้จำนวนนึงแต่ตอนนี้บานปลาย ?
วุ้นเส้น : ตอนแรกวางไว้ประมาณนึงก็หมือนจ่ายอีกประมาณนึงก็คือมากอีกเป็นเท่านึง
บานอีกกี่เท่า ?
นิกม์ : พอสมควรพี่หนิง จานชามก็สองสามแสนแล้ว
วุ้นเส้น : จานกินข้าว แก้วไวน์ 2 แก้ว แก้วน้ำ 1 แก้ว ค่าโต๊ะ ค่าเก้าอี้ คือทุกอย่างเป็นเงินหมดเลย
เห็นบอกว่าบานปลาย 8 หลักเหมือนกัน ?
วุ้นเส้น : อุ้ย ไม่ถึงๆค่ะ แย่เลยถ้าถึงขนาดนั้น ไม่ต้องแต่งหรอกเอาเงินไปทำอย่างอื่นเหอะ พูดเลยว่าถ้าเกิดถึงขนาดนั้น นิกม์ เราใช้สมองนิดนึงเนาะ เราไม่ใช่มหาเศรษฐีไง คนที่เขา 8 หลักได้เขาอาจจะร่ำรวยมากแต่เราคือธรรมดาพอมีพอใช้แต่เราแค่อยากครั้งหนึ่งในชีวิต
คือเหมือนค่ายิบค่าย่อยที่เราไม่ได้คิดเอาไว้มันจะต้องจ่ายถูกต้องป่ะ ?
วุ้นเส้น : ใช่ คือเหมือนกับค่าเดินทางถ้าเมืองไทย 10 โลก็ประมาณนึง แต่ว่าถ้าที่โน่น ค่าเดินทางค่าตัวคนรถก็ประมาณ 4-5 หมื่น ค่าขนของอะไรแบบนี้ ราคาฝรั่งเศส
คุณนิกม์ช่วยจัดการเรื่องงานแต่งแล้วตัดสินใจในส่วนไหนบ้าง ?
นิกม์ : พี่เห็นการ์ดแล้วใช่มั้ย การ์ดนี่ 99% เป็นคุณวุ้น
วุ้นเส้น : สิ่งที่นิกม์เขาหมายความว่าก็คือมันไม่มีความเป็นผู้ชายเลยมันคือสาวแตกมากหวานเจี๊ยบ
ตอนแรกเห็นบอกว่าเกือบล้มเลิกงานแต่งงานที่ฝรั่งเศสไปแล้ว ?
วุ้นเส้น : ใช่ ไม่ได้ล้มเลิกหรอก แต่ทำไมมันเหมือนกับไปเรื่อยๆ มันยังไม่จบ เวลาที่เราคุยกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็จะคนละเวลากัน
นิกม์ : ใช่ๆ ก็นัดกัน 4-5 ทุ่ม เพราะเวลามันไม่เหมือนกัน แต่ละคนทั้งวุ้น ทั้งเวดดิ้งแพลนเนอร์ดีเทลมาก ทุกอย่างทุกเม็ดคือดีเทลมาก
ตอนที่เขานั่งคุยกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ นิกม์นั่งทำอะไร ?
วุ้นเส้น : เขาช่วยเยอะเพราะว่ารายละเอียดต่างๆส่วนใหญ่นิกม์เป็นคนทำ เราต้องโอนเงินข้ามประเทศด้วย ต้องมีดีเทลเรื่องคำต่างๆ มันก็คือละเอียดนึดนึงแล้วเขาเป็นคนที่ทำพวกระบบพวกนี้ได้ เราก็จะบอกให้เชาช่วยหลายอย่างเหมือนกัน
วันที่ 17 กันยายน เราไปจัดงานแต่งงานที่ฝรั่งเศส แล้วมาฉลองที่ไทยวันไหน ?
วุ้นเส้น : วันที่ 7 ธันวา แต่ว่าเหมือนตอนแรกเราก็จะไม่มีงานเมืองไทย อย่างที่บอกว่าเราจะจัดเล็กๆ แต่ว่ามันไม่จบ เหมือนว่าแขกเราแขกเขาคือ 120 คนไม่ได้ไปทุกคนก็เลยรู้สึกว่าเพื่อนเราที่ไม่ได้ไปคงอยากฉลองกับเราก็เลยต้องกลับมาจัดที่นี่
จุดเริ่มต้นมารู้จักได้ยังไง ?
นิกม์ : เป็นเพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันหลายปีแล้ว แล้วก็ไปนั่งสมาธิด้วยกันทุกปีที่เชียงราย เพื่อนเขากับเพื่อนผมเป็นกลุ่มเดียวกันก็จะเจอกันตามงานสังสรรค์ตามงานแต่งได้มีการเจอกันมากขึ้น
ชอบเขามั้ย ?
นิกม์ : ชอบซิ จริงๆมีเพื่อนเราสองคนพยายามบิวท์พอสมควรทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น แต่พูดจริงๆก็เขินนิดนึงเวลาเจอเขา เพราะว่าไม่ค่อยได้คบกับคนที่เป็นดาราหรือมีชื่อเสียง
เพื่อนคนนี้เปลี่ยนเป็นรักเธอตอนไหน ?
นิกม์ : จริงๆตอนโควิดวุ้นเขาชอบส่งแอลกอฮอล์ลฉีดมือ แล้วผมก็ชอบคุยกับเขาเรื่องร้านอาหาร เพราะว่าผมอยู่ที่สิงค์โปร์เราก็รู้ว่าวุ้นชอบกินข้าวก็เลยคุยเรื่องร้านอาหารที่สิงค์โปร์ที่กรุงเทพฯ
วุ้นเส้น : เราจะไปสิงค์โปร์กับเพื่อนเราแล้วตอนนั้นก็ยังไม่อะไร แต่รู้ว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเชี่ยวชาญที่โน่น เราก็เลยถามว่าแนะนำร้านอาหารหน่อย แล้วสิ่งที่เขาส่งกลับมาก็คือทำเป็นแบบ Excel ร้านอาหาร ตั้งใจทำมาก สไตล์หนุ่มไฟแนนซ์ทำละเอียดมาก ก็เลยมีความประทับใจแล้วในตอนนั้น
ช่วงโควิดมันกักตัวเราก็จะเจอใครไม่ได้ แต่ทำไมคุณกักตัวกับผู้ชายคนนี้ล่ะ ?
วุ้นเส้น : ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะกลับไปทำงานสิงค์โปร์เราก็ไม่ได้อะไร ก็เหมือนกับโควิดเจอกัน ช่วงนึงเราก็จะชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้าน หลายคนก็จะไม่กล้าเจอคนอื่น ไม่กล้าออกไปข้างนอก ออกไม่ได้ก็จะสั่งอาหารมากินที่บ้านนี่แหละ นิกม์ก็เป็นหนึ่งในเพื่อนที่มา เพื่อนก็แบบนิกม์มาตลอดเลยเมื่อก่อนไม่เห็นนิกม์บ่อย
อย่าเพิ่งก้าวกระโดดข้ามไป ก่อนที่เพื่อนๆเขาจะมาคุณชอบสั่งอาหารแล้วก็นั่งกินกันอยู่ 2 คน ถ้ามีเพื่อนที่อยู่คอนโดเดียวกันมากดติ๊ง
คุณนิกม์ก็จะต้องไปหลบ ?
วุ้นเส้น : ไม่ได้หลบ แค่ไม่เปิดประตูให้เพื่อนเข้ามา(หัวเราะ) แล้วก็บอกเงียบๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเขายังไงก็คือคุยกันอยู่ แต่ไม่รู้ว่าสรุปถ้าโควิดเปิดต่างคนต่างแยกหรือเปล่าหรือยังไง ก็ยังไม่รู้ว่าจริงจังมั้ยเพราะตอนนั้นแค่ไม่กี่เดือน ถ้าเกิดจะให้ผ่านจริงๆก็คือต้อง 6 เดือนก่อน ถ้า 6 เดือนเมื่อไหร่เพื่อนรู้ได้แล้ว
เรียกได้ว่าโควิดเป็นช่วงวัดใจว่าจะรอดหรือไม่รอด ?
วุ้นเส้น : ใช่ แต่ว่าเพื่อนชอบวีดีโอคอลมา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกอยู่คนเดียว ขอดูหน่อยให้เดินทั่วห้อง นิกม์ก็เหมือนกันเพื่อนนิกม์ก็วีดีโอคอลมา แล้วยูก็ต้องเข้าไปในห้องน้ำไง บอกเขาไปซิ
เวลาเขาวีดีโอคอลมาแล้วเดินทั่วห้อง นิกม์ทำยังไงไปหลบอยู่มุมนึงหรอ ?
วุ้นเส้น : นิกม์อยู่ในห้องน้ำ
เพื่อนในวงการที่รู้คนแรก ?
วุ้นเส้น : น่าจะนานานะเพราะว่านานาก็วีดีโอคอลมา แต่นานาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นในโลกนี้รู้ค่ะ เพราะว่าเหมือนโควิดเริ่มเปิดออกไปงานแต่งงานได้แล้ว เราก็จะเริ่มมีรูปกับนิกม์เหมือนตอนนั้นเอารูปเขากับรูปเราขึ้นมือถือเป็นสกรีน แล้วเหมือนนานาเห็นแล้วนานาก็ถ่ายสตอรี่ ใครอ่ะๆ ก็เลยกลายเป็นโลกรู้แล้ว(หัวเราะ)
สายอาชีพคนละแนว พอตัดสินใจมีเขาเป็นแฟน ชีวิตเปลี่ยนมาอยู่กับเขาเลย ?
นิกม์ : สมัยก่อนเดินทางตลอด เดินทางแทบทุกอาทิตย์เลย แต่พอเจอวุ้นรู้สึกว่ามันลงตัว มันสบายใจ รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ผู้หญิงคนนี้มันมีสัญญาณอะไรบ้างอย่างว่าจะต้องอยู่แล้วหละ สมัยก่อนผมเดินทางตลอดแล้วรู้สึกว่าเมืองไทยไม่ใช่บ้าน แต่พอมีวุ้นปุ๊ปมันรู้สึกว่าเมืองไทยเป็นบ้าน อยากอยู่ด้วย
กลับมาอยู่เมืองไทยมาทำอะไรทุกอย่างที่เมืองไทยมีเผื่อใจเจ็บมั้ย ?
นิกม์ : จริงๆ ไม่ได้เผื่อเลย รู้สึกว่าวุ้นเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนมาก พี่หนิงก็รู้ ก็เลยรู้สึกว่าเวลาเราทำอะไรหรือเขาทำอะไร เขาจะแคร์ความรู้สึกเรามาก ก็เลยรู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่มีความเสี่ยงพูดตามตรงว่ารู้สึกไม่เสี่ยง
2 ปี ตัดสินใจออกสื่อ ทำไมก่อนหน้านั้นถึงเก็บเงียบไม่พูดอะไรเลย ?
วุ้นเส้น : จริงๆ เอาตรงๆ ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ถึงจุดไหนในชีวิตเรา เราก็อยู่วงการมา 20 ปีเพราะฉะนั้นคนก็จะรู้เรื่องราวของเราทั้งหมดในชีวิต เราก็ไม่อยากให้แบบสุดท้ายเปิดไปแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จไม่ถึงจุดนั้นอีก ก็จะกลายเป็นอดีตของวุ้นอีกละ มันก็รู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้ ถ้าเกิดไม่บอกเราก็รู้สึกว่าถ้าเกิดวันนึงเขาไม่ใช่ ไม่มาถึงจุดนี้จริงๆ ก็จะไม่มีคนพูดถึงในทางต่างๆ อันนั้นคือคิดก่อน
คู่นี้แทบจะไม่มีทะเลาะกัน แต่วุ้นยังไม่ค่อยมั่นใจ ลึกๆกลัวอะไร ก่อนที่จะตัดสินใจมาถึงวันนี้ที่จะแต่งงานนะ ?
วุ้นเส้น : อย่างเราเราก็รู้ว่าเราไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาเสียใจอยู่แล้วเพราะเราโตแล้ว แล้วอดีตทุกอย่างประสบการณ์ต่างๆมันทำให้เราดีขึ้นในทุกๆวันในการตัดสินใจ แต่ว่าสิ่งที่กลัวก็คือว่าเราไม่แน่ใจว่าถ้าเราข้ามขั้นต่อไปมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมั้ย วุ้นคิดว่าทุกคนกลัวหมดแหละ ทุกวันนี้มันดีมาก มันดีเกินที่เราคาดหวังไว้เยอะมากในเรื่องของความรัก หลายคนก็รู้ว่าเรายังไม่ได้ประสบความสำเร็จในความรัก แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่มีดวงเรื่องนี้หรือเปล่า สุดท้ายตอนนี้วุ้นรู้สึกว่าทำไมวุ้นโชคดีในเรื่องความรัก วุ้นรู้สึกเลย วุ้นไม่เคยพูดคำนี้ในชีวิต รู้สึกว่าทำไมคนนี้ทำให้วุ้นรู้สึกโชคดี มันไม่มีวันไหนที่วุ้นรู้สึกว่าเขาทำให้วุ้นร้องไห้หรือทำให้วุ้นรู้สึกเหมือนไม่มีค่าก็กลายเป็นว่าเขาคือคำตอบจริงๆ สิ่งที่เขาทำกับเราที่ผ่านมามันพิสูจน์ได้ว่าเราไว้ใจคนนี้ได้ ในอนาคตไม่รู้(หัวเราะ)
พี่นิกม์รู้มั้ยว่าพี่วุ้นเส้นคิดแล้วก็รู้สึกว่าเราทำให้เขาสบายใจขนาดนี้ ?
นิกม์ : เขาก็บอกนะเวลาอยู่กันสองคนเขาก็จะพูดตลอดแหละว่าเขารู้สึกยังไง ปรับจูนทุกอย่างความคิด ความรู้สึกตลอดเวลามันก็เลยอยู่ด้วยกันได้
พี่วุ้นหวานมั้ย ?
นิกม์ : หวาน เขาจะแพลนล่วงหน้าอะไรจะทำให้เรามีความสุข
นิกม์เคยบอกกับหนิงว่าการคุยกับวุ้นหรือการอยู่กับวุ้นในแต่ละวันเหมือนจีบใหม่ทุกวัน ?
นิกม์ : คือเขามีความน่ารักทุกวัน เราก็อยากจะจีบความน่ารักนั้นของเขาทุกวัน ก็พยายามทำอะไรให้เขารู้สึกดีทุกวัน
วุ้นเส้น : พูดหวานๆก็พอแล้ว วุ้นกับนิกม์ไม่ได้เป็นอะไรที่ต้องซื้อดอกไม้หรือให้ของอะไรกันเลย เหมือนแค่คำพูดดีๆทุกวันพอแล้ว ก็ชมหรือพูดอะไรที่เป็นคำที่ดูดี
ถ้าดีขนาดนี้ทำไมวุ้นเคยพูดว่ากลัวนิกม์ไปเจอผู้หญิงที่ดีกว่าวุ้น ?
วุ้นเส้น : เราก็คิดว่าเหมือนเขาก็อาจจะเลือกคนที่สวยกว่าเรา น่ารักกว่าเรา เด็กกว่าเราหรือว่าอาจจะไม่ผ่านประสบการณ์อะไรเยอะ เราอาจจะเป็นผู้หญิงอีกประเภทนึงที่อาจจะต้องได้คนโตกว่า สมมติว่าเราไม่เคยคิดว่าเขาอายุน้อยกว่าเราแต่ว่าเขาอาจจะอยากได้เด็กกว่าหรือเปล่าเราโตกว่าเขานะ ไม่ได้บอกว่าดีกว่าในแง่ไหนนะ เคยคุยกันว่าถ้ายูเจอคนที่โอเคก็บอกได้นะ เพราะว่าเราโตแล้วเราไม่ได้ยึดติด แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้แล้วนะ(หัวเราะ)
ตอนนั้นพี่นิกม์ก็รู้ว่าพี่วุ้นคิดแบบนี้ ?
นิกม์ : รู้ทีหลัง
พอรู้แล้วเราบอกอะไรเขาบ้างมั้ย ?
นิกม์ : ก็ไม่ได้บอกนะ เราคิดว่าเราทำเหมือนเดิมทุกวัน เขาก็สบายใจขึ้นทุกวัน บางอย่างการกระทำมันดีกว่าคำพูด
เห็นว่าทั้งสองคนมีนิสัยเหมือนกันแต่ก็มีความต่าง แต่ก็มีความต่างที่ลงตัว ?
วุ้นเส้น : แอตติจูดหลายอย่างอย่างเช่นมุมมองความรัก มุมมองการสร้างครอบครัว งานหรือเทสต์ การเที่ยว การกิน เหมือนกันหมดเลย มันหายากเหมือนกัน แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่คล้ายๆกันก็คือทำงานหนักทั้งคู่ อันนี้คือไม่ดี มันกลายเป็นว่าเที่ยงคืน ตี 1 เราห็ยังต้องคุยเรื่องงาน บางทีวุ้นต้องบอกนิกม์หยุดเถอะ เราอยากคุยเรื่องซีรีส์ อยากคุยเรื่องท่องเที่ยว บางทีเขาเป็นคนที่คิดได้แล้วต้องพูดเลย
หลายๆคนไม่เชื่อว่าวุ้นเส้นจะหวานได้ขนาดนี้ ในมุมของเพื่อนๆ ที่ทุกคนเห็น เขาจะนิ่งๆ ?
วุ้นเส้น : อยู่กับเพื่อนพูดน้อย ถ้าอยู่กับนิกม์ก็เป็นอีกคนหนึ่ง เพราะเขาจะเป็นคนที่พูดน้อยกว่าเรา เราสนุกในการที่ทำให้เขายิ้ม เรารู็เลยว่าถ้าเราพูดแบบนี้เดี๋ยวเขาต้องยิ้ม ไม่ใช่ให้เขาจีบเราอย่างเดียว เราต้องให้ความหวานเติมให้เขาบ้าง
เห็นว่าพี่นิกม์เคยมีความคิดในหัวว่าตัวเองอาจจะไม่ดีพอสำหรับคุณวุ้นเส้นหรือเปล่า ?
นิกม์ : มันก็ต้องมีอยู่แล้ว เราก็พยายามดูแลเขาเหมือนคนทั่วไป ไม่งั้นถ้าเราดูแลเขาแบบดาราเป็นคนมีชื่อเสียงตลอดก็คงจะเกร็งเกินไป ก็พยายามเข้าหาเขาในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
จะ 5 ปีแล้ว ทะเลาะกันแค่ครั้งเดียว ทะเลาะกันเรื่องอะไร ?
วุ้นเส้น : ตอนนั้นเราเพิ่งคบกันปีนึงแล้วเป็นทริปแรกที่ไปด้วยกัน ไปนิวยอร์คด้วยกัน เหมือนกับว่าเป็นทริปที่เราถ้าไม่รักกันมากก็ต้องเลิกกันไปเลย เพราะว่าไปอยู่เดือนครึ่งที่โน่นแล้วไกลมาก แล้วไม่เคยไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย ไม่เคยลองเดินทางด้วยกัน แต่ว่าประเทศแรกก็นิวยอร์คแล้ว แล้วเรารู้สึกว่าอยากเอาใจผู้ชายคนนี้ อยากพาไปเที่ยวเพราะเราเป็นคนชอบแพลนเที่ยว แพลนร้านอาหาร แพลนโรงแรม ให้เราแฮปปี้กัน เราก็จองร้านอาหารทุกวัน บางวันก็จอง 2 มื้อ อยู่ดีๆคนนี้ผ่านไปประมาณเกือบเดือนน้ำหนักขึ้นมา 8 โล เราก็ไม่รู้หรอกเพราะเราเห็นกันทุกวัน ไม่รู้ว่าน้ำหนักขึ้น เพราะเราก็ยังกินปกติ แล้วเหมือนกับเขาส่องกระจกแล้วเหมือนเขาจะร้องไห้ เขาไม่ไหวแล้ว ยูไม่ต้องให้เขากินอะไรแล้วได้มั้ย เราก็เลยบอกว่าโอเคยูขอโทษ คือจริงๆมันไม่ได้ทะเลาะกันแบบรุนแรง แต่เขาตามใจเรามาตลอดแต่ครั้งนี้เขาขอขัดใจเราโดยการที่เขาจะไม่ออกไปกินข้างกับเราแล้วหลังจากนี้ เพราะว่าเราจองเยอะเกินไป เราก็บอกว่าไม่เป็นไรนะทุกอย่างมีทางออก ฉันไม่อ้วน ฉันก็ไปกินต่อ ฉันก็ไปกินข้าวกับเพื่อนได้ เพื่อนที่นู่น แต่เขาก็เอนจอยนะส่วนใหญ่ ตอนนี้กินอะไรก็ได้ กินข้าวง่ายๆ
อะไรก็ได้ถึงขั้นที่ว่าถ้าแต่งงานแล้วไม่ต้องมีเรือนหอก็ได้ ?
วุ้นเส้น : ไม่ต้อง ฉันกับนิกม์เป็นคนที่แบบคบกันไม่ได้จะต้องมีนั่นมีนี่ ไม่ต้องมีอะไรเลย เราคบกันด้วยความรักของเราสองคนจริงๆ บางคนอาจจะต้องมีขั้นตอนเยอะ ไม่มีพิธีหมั้นนะ ไม่มีอะไรเลย มีพิธีแลกแหวน แต่งงาน กลับมาเมืองไทยก็คือฉลองเลย ไม่ต้องพิธีเยอะ เราไม่มีสินสอด
แล้วพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายโอเคใช่มั้ยที่ตกลงกันแบบนี้ ?
วุ้นเส้น : โอเค เพราะเรารู้สึกว่าทุกบ้านก็จะมีประเพณีแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน แต่บ้านเราโชคดีมากทั้งคู่เลย ทั้งพ่อแม่เขาพ่อแม่เราชิลมากได้หมดเอาลูกแฮปปี้ เราอยากให้ทุกอย่างมันง่ายและไม่กดดัน แค่เขาอยู่กับเรา แค่เขาดูแลเราไม่ทำให้เราร้องไห้ ไม่ทำให้เราเสียใจทุกวันนี้ก็มีค่ามากแล้วจะไปเอาอะไรจากเขาอีก แค่ให้เขาอยู่กับเราก็พอ
นิกม์ : เอาจริงๆก็ซึ้งใจ เขาเป็นคนที่แข็งแรงมาก เป็นตัวของตัวเองมาก เป็นคนที่ดีจิตใจดี รู้สึกโชคดีที่มีเขา
อยากเห็นเบบี๋น้อยเลย ตกลงยังไง ?
วุ้นเส้น : นี่อยากมี (ชี้ไปที่นิกม์)
แล้ววุ้นล่ะ จะเตรียมเช็คอัพเก็บไข่ ?
วุ้นเส้น : จริงๆวุ้นเคยเช็คกับคุณหมอรอบนึงแล้ว เขาก็บอกว่าโอเคได้ อยู่ที่เราพร้อมเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่าเราเป็นคนดูแลตัวเองอยู่แล้ว แค่เหมือนกับว่าวุ้นทำหลายอย่างไม่ได้ เดี๋ยวพอแต่งงานเสร็จ เดี๋ยวก็จะต้องมีแต่งงานอีกอันนึง เพราะฉะนั้นวันที่วุ้นพร้อมที่สุดต้องเป็นวันที่ทุกอย่างเสร็จแล้ว ไม่งั้นเราจะเครียด เรากับนิกม์ไม่ซีเรียสถ้าปีนึงเราพยายามแล้วไม่ได้จริงๆก็มีแพลนบี เธอโอเคมั้ยถ้าหากเรามีไม่ได้
นิกม์ : มันขึ้นอยู่กับวุ้นเพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเขา ถ้ามีลูกอันนั้นค่อยว่ากันอีกที ณ จุดนี้คือวุ้น ถ้าวุ้นอยากมีสามารถมีได้หรือว่าไม่อยากเจ็บก็แล้วแต่วุ้น
เคยรู้มาว่าพี่วุ้นอาจจะไม่ได้อยากมีลูก
วุ้นเส้น : ไม่ได้ไม่อยากหรอกแต่ว่าจังหวะเวลาชีวิตมันไม่ได้เลยคือเหมือนมันไม่เคยได้ถูกจังหวะเลยซักที แล้วพอวันที่ถูกจังหวะจริงๆอายุก็เยอะขึ้นมันก็เลยกลายเป็นว่ายังไงดีแต่ว่าก็อย่างที่บอกว่าเราก็มีแพลนบี ถ้าเราสองคนไม่มีจริงๆเราก็จะอยู่ด้วยกันสองคนแบบมีความสุขอยู่ดี
ที่ตัดสินในอยากจะมีลูกจริงๆเพราะว่าพี่นิกม์เป็นพ่อของลูกหรือเปล่า ?
วุ้นเส้น : ก็เพราะว่าพี่นิกม์ด้วย แต่ก็ทุกอย่างเขาใช่หมดเลย เรารก็รู้สึกว่าไม่กดดันดีกว่าอยู่กันสองคนก็แฮปปี้ ถ้าถามว่าเรารู้สึกว่าเขาเป็นพ่อที่ดีได้เมื่อไหร่ตั้งแต่เรามีแมวด้วยกันเราก็เริ่มรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้อบอุ่น เซ้นส์ซิทีฟ ดูเป็นพ่อของลูกได้ แค่เราไม่รู้ว่าตัวเราจะไหวมั้ย
อีกไม่กี่วันทั้งคู่จะแต่งงานใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการ ขอบอกอะไรกันและกันก่อนจะบิน ?
วุ้นเส้น : ต้องขอบคุณนิกม์ที่ทำทุกวันให้มีความสุขจริงๆ มันไม่มีวันไหนที่เรารู้สึกว่าฉันไม่น่าคบกับเธอเลย ทุกวันฉันมีความรู้สึกขอบคุณทุกครั้งที่ดูแลเราดีเป็นกำลังใจทุกวัน ไม่ว่าเราเป็นยังไงก็รับเราได้ ถ้าพื้นฐานความรักไม่แข็งแรง ไม่มั่นคง หรือว่าโลเลเราก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันถึงวันนี้
นิกม์ : ต้องขอบคุณวุ้นที่ทุกวันวุ้นให้ความรักแบบเต็มที่มากๆ พลังชีวิตวุ้นทุกวันก็รู้เลยว่าเขาให้เราเยอะทุกวัน ก็ขอบคุณที่วุ้นให้ความสำคุญเราทุกวัน คุณให้ความรักทุกวัน แคร์เราทุกวัน รู้ว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นแบบนั้นและวันต่อๆไปด้วย
Advertisement