เจษ เจษฎ์พิพัฒ เผยไม่สนคนมองว่าเล่นซีรีส์วาย! ชี้ไม่ได้ต่างจากงานแสดงทั่วไป
เมื่อ 2 หนุ่มต่างขั้ว! โคจรมาเจอกันในรายการ "วอดอวอแว" ใครจะรู้ว่า "เจษ เจษฎ์พิพัฒ" และ "อะตอม ชนกันต์" เป็นเพื่อนซี้กันมาก่อนตั้งแต่สมัยเรียน งานนี้ต่างคนต่างเม้าส์กันแบบเผาขน แท้จริงแล้วหนุ่มเจษขี้อายตั้งแต่เด็ก เผยการเล่นซีรีส์วายก็ไม่ได้มองว่าแตกต่างถือเป็นอีกบทบาทในการแสดงเหมือนกัน และอะตอมเป็นคนแต่งตัวเนี้ยบมากตั้งแต่สมัยเรียน
เพิ่งรู้ว่าคุณสองคนเป็นเพื่อนซี้กัน ?
เจษ : จริงเหรอ
อะตอม : คือผมกับเจษเรียนโรงเรียนเดียวกันครับ ก็คือกรุงเทพคริสเตียน แล้วก็แยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัยหลายปี สุดท้ายก็มาอยู่กึ่งๆ บริษัทเดียวกันแหล่ะ ผมก็อยู่ในเครือแกรมมี่ เขาก็เป็นนักแสดงอยู่ในเครือแกรมมี่ ก็เจอกันไปเจอกันมาบ้าง แต่เรายังไม่เคยมีโอกาสทำงานด้วยกันเลยนะแปลกมาก
เล่าวีรกรรมของแต่ละคนที่แสบสุด ?
เจษ : สำหรับอะตอมถ้าแบบจี๊ดจ๊าดคงต้องเป็นสมัยมหาวิทยาลัยมากกว่า เขารับหน้าที่เล่นดนตรีกลางคืนอยู่ร้านๆหนึ่ง แล้วผมก็จะชอบไปหาเพื่อนที่ธรรมศาสตร์ก็จะเจอเขาตลอดเวลา สภาพคือกึ่งคนกึ่งเมาไปแล้วอ่ะ (หัวเราะ) เสียงก็จะเป็นแบบเปลี้ยๆ นิดหนึ่ง เราก็จะเจอเขาสภาพนั้นตลอดเวลา แล้วเขาก็จะเป็นคนแบบแต่งตัวดีตลอดเวลา แต่ว่าเขาไม่ค่อยมีเรื่องอะไรแสบๆตั้งแต่เด็กๆเลยนะ
อะตอม : เพราะว่าผมปิดคุณไว้หรือเปล่า (หัวเราะ)
เจษ : แต่พี่วู้ดดี้เชื่อไหม 12 ปีผมไม่เคยเรียนอยู่ห้องเดียวกับอะตอมเลย
อะตอม : ใช่ครับ จริงๆ มาเริ่มสนิทกันเพราะว่าเล่นดนตรี เจษเขาตีกลองแล้วก็พี่ชายเขาเล่นกีฬา แล้วก็มาตั้งวงดนตรีด้วยกัน ไปเล่นตามงานในโรงเรียน จอยๆ เพราะฉะนั้นเราก็จะคอนเนคกันเรื่องเพลงค่อนข้างเยอะ
เจษเป็นยังไงบ้าง ?
อะตอม : ผมว่าเขาขี้แอค (หัวเราะ) คือมันจะมีกรุ๊ปลูกเสือที่เป็นหน่วยพิเศษในสมัยก่อน ซึ่งเขาจะเป็นตัวหล่อ เครื่องแบบก็จะไม่เหมือนคนอื่น เขาก็จะดึงๆแอคๆของเขา
คุณรู้ตัวไหมว่าคุณหล่อ ?
เจษ : ก็ประมาณหนึ่งครับ (หัวเราะ)
อะตอม : แต่สุดท้ายพอมาสนิทกันจริงๆ มันก็แอคจริงๆนินา (หัวเราะ) หยอกๆ ไม่ใช่หรอกทรงมันดีไง เราก็หมั่นไส้สักนิด
แต่จริงๆคนหล่ออย่างคุณก็มีความอาย ?
เจษ : ใช่พี่ผมเป็นคนที่ขี้อายมาก ตอนเด็กๆโคตรขี้อายเลย ไม่กล้าขึ้นเวที พูดหน้าห้องยังไม่กล้าเลย
แล้วเราเริ่มมาปลดล็อกตอนไหน ?
เจษ : ตอนเล่นละครโรงเรียน แล้วตอนนั้นคือผมเริ่มเล่นหนังของพี่พจน์ อานนท์ แล้ว คนก็จะเรียกเราว่าดาราๆ เสร็จปุ๊บก็คิดว่าเราเป็นดาราก็ต้องเฉิดฉายทางด้านการแสดง ก็เลยไปแคชละครเวทีของโรงเรียน เราต้องเจอคนเยอะๆ มาทำงานอยู่เอ็กแซ็กท์ก็ต้องถ่ายในกองละคร ไปงานอีเว้นท์ มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ
คุณได้มีโอกาสมารับบทบาทในซีรีส์ Boy Love เป็นยังไงบ้าง ?
เจษ : จริงๆ แล้วผมไม่ได้มองว่ามันแตกต่าง คือคนจะชอบบอกว่าอันนี้ละคร อันนี้หนัง อันนี้ซีรีส์ อันนี้ซีรีส์วาย ซึ่งผมไม่เห็นด้วย รู้สึกว่าการแสดงมันก็คือการแสดง ทุกวันนี้มันก็เหมือนกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็เลือกตามจากบทที่ดี โปรดักชั่นที่ดีแค่นั้นเอง แล้วพอได้ไปเล่นกับทาง Be On Cloud โปรดักชั่นเขาดีมาก ภาพสวยมากและเขาให้ความสำคัญกับการแสดงมากๆ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ค่อยแคลงใจอะไรครับ เอาจริงๆพอไปเล่นแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็น Boy Love ที่เราไม่เคยเล่น ก็แค่เป็นตัวละครก็เล่นได้ปกติ
อะตอม : แต่ผมนี่เกร็งรอเลยนะ เจษมันเอาแล้ว ก้าวมาทางนี้แล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ก็ตื่นเต้นแทนเพื่อนแหล่ะ ก็เป็นอีกก้าวที่เพื่อนต้องผ่านความท้าทายในการแสดง
เจษ : พอมาถึงจุดหนึ่งเราโหยหาอะไรที่แตกต่าง บางทีถูกจำกัดด้วยกรอบอะไรบางอย่าง ที่แบบคนบอกว่าละครไทยต้องเล่นแบบนี้ ซีรีส์ต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งผมรู้สึกว่าใครมันควรจะเล่นอะไรก็ได้
อะตอม : มันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปนะ ผมว่าช่วงหลังๆ กรอบมันค่อยๆเริ่มละลายไปทีละนิดๆ
เจษ : สิ่งที่คนมองคำว่าซีรีส์วายมันก็ต่างออกไป คนไม่ได้มองว่าเด็กเล่นซีรีส์วายต้องอยากดังแน่เลย คนก็เริ่มเปิดใจว่ามันเป็นอีกช่องหนึ่งของซีรีส์ให้เราดูมากกว่า
Advertisement