จากกรณีที่เรียกได้ว่าเป็นข่าวช็อกวงการเป็นอย่างมาก หลังจาก “นัท มีเรีย” ออกมาประกาศเลิกรากับพระเอกหนุ่ม “อั้ม อธิชาติ” ซึ่งหลายคนก็เกิดความสงสัยถึงสาเหตุการจบความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ว่าเกี่ยวกับมือที่ 3 อย่างที่คาดเดากันไหม ซึ่งเจ้าตัวมาเปิดใจถึงเรื่องราวครั้งนี้ทั้งหมด ตามที่ทุกคนสงสัย รวมถึง เรื่องราวที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าตัวได้เข้าพบตำรวจไซเบอร์ เพื่อปรึกษาหลังมีคอมเม้นต์เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กระทบถึงครอบครัว เธอเป็นสิ่งที่เจ้าตัวนั้นรับไม่ได้เป็นอย่างมาก
วันนี้ ( 19 ธันวาคม 2567) อั้ม อธิชาติ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรื่องดังกล่าว หลังจบรายการแซ่บshow เผยปมการเลิกราอดีตภรรยา ”นัท มีเรีย“ โดยเจ้าตัวนั้นได้เปิดใจว่า เหมือนที่ทางคุณณัฐให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ยืนยันว่าจบความสัมพันธ์กันแล้ว วันนี้ตนไม่ได้อยากตั้งโต๊ะแถลงข่าวอะไร แต่ว่ามันมีเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด เกี่ยวกับการคลาดเคลื่อนของเวลา หนึ่งเราได้ยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาแล้ว และคุณตั้งคำถาม เกี่ยวกับการไม่ได้เลิกกันนั้น และหาว่าตนมีมือที่ 3 จนเป็นผลกระทบต่อครอบครัวและคนรอบข้างทั้งหมด
โดยรายละเอียดนั้น ตนได้ชี้แจงต่อว่า ข่าวลงกันวันที่ 1 ตุลาคม ตนยังใช้ชีวิตแบบครอบครัวปกติทานข้าวกับ “คุณนัท” เมื่อตอนเช้า คุณแม่ออกไปซื้อกับข้าวนอกบ้าน หลังจากนั้นช่วงบ่าย ก็มีข่าวบอกว่านักร้องยุค 90 กับพระเอกดังยุค 90 ส่อแววเตียงหักเลิกรากัน และได้แยกกันอยู่ ตนเลยมองว่ามันไม่ใช่คู่ของเรา ใช้ชีวิตยังปกติเพราะไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ซึ่งตนก็ยังมองว่ามันไม่ใช่ตัวเองเพราะยังอยู่บ้านด้วยกันปกติ ด้วยความที่ไม่ได้มีการทะเลาะกันก็ยังคุยกันปกติ หลังจากนั้นพอกลับบ้านก็เลยโทรหาทางฝ่ายหญิง
ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม ก็ได้โทรหา “คุณนัท” อีกครั้ง เพื่อวางแผน เรื่องของครอบครัวและได้ถามถึงข่าวที่เกิดขึ้นว่าได้เห็นหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเค้าเห็นแล้ว แต่ขอเตรียมตัวทำงานก่อน เวลานั้นก็เลยมีข่าวเลิกกันเพราะนอกใจ จากที่ทาง “คุณนัท” โพสต์แนวเศร้า แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ตนเลยตัดสินใจไม่ขอคุยกับใครแล้วขอเช็คให้เรื่องราวมันชัดเจน และคนก็มองว่าวันนั้นตนโกหก ซึ่งมันไม่ได้โกหกเพราะว่าตนพูดไปตามจริง
ในวันที่ 9 ตุลาคม เลยได้พูดคุยกันอย่างจริงจังที่บ้าน จนเป็นบทสรุปชนวนให้มีการเลิกรากันอย่างจริงจัง ซึ่งสาเหตุนั้นได้พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายอนาคตของกันและกันเพื่อคืนอนาคตตอนนี้สู่การเป็นเพื่อน จะได้มีความรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่
ส่วนเรื่องมือที่ 3 ตนได้ถามเขาแล้ว เขาก็บอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับมือที่ 3 แต่มันเป็นความไม่เข้าใจของกันและกันมากกว่า กับเรื่องปัญหาครอบครัวมันก็อาจมีน้อยใจกันบ้างเล็กน้อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ส่วนการง้องอนมันก็มีบ้างเช่นกันถามว่ามีการง้อกันไหมในระหว่างที่มีข่าวออกมา เจ้าตัวบอกว่า ตลอดเวลา 15 ปีไม่เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง คิดว่ามันคงเป็นความสะสมกันมา ต้นก็มองว่ามันมีทั้งทุกข์และสุขและพยายามปรับกันก่อนหน้านี้ พยายามจูนกันตลอด ในระยะเวลาที่รอเขา ตนก็มีโอกาสสอบถามกับเพื่อนสนิทตลอดเวลาถึงสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งตนก็เข้าใจเขาตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมามันก็มีเรื่องละเอียดอ่อน อย่างตนก็มีข้อผิดพลาดเยอะแยะ ตนก็ยอมรับในสิ่งนั้น วันนี้ตนได้พูดไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ณ วันนี้ที่เราตัดความสัมพันธ์มันไม่ใช่การตัดปัญหา หลังจากวันที่ 9 ธันวาคน ก็ไม่ได้มีการพูดคุยส่วนตัวอะไรกัน
ในการให้สัมภาษณ์ของ “พี่นัท” หลายคนก็เกิดความสงสัยเกี่ยวกับมือที่สาม เจ้าตัวบอกว่า ตนนั้นไม่มีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ 3 ที่เป็นเชิงชู้สาวเลย แล้วที่คุยกันกับทาง คุณนัทก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ด้วย คำพูดที่ “พี่นัท” บอกว่า นอกเหนือการควบคุม อาจจะเป็นเพราะหลังจากที่เลิกรากันไปชีวิตเราเป็นยังไงบ้างอันนี้ไม่มีใครรู้
ส่วนประเด็นเรื่องการทำลูกทั้งที่ไม่ได้จดทะเบียนกัน เจ้าตัวบอกว่า ตนก็ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และการมีลูกมันเป็นเป้าหมายของครอบครัว เพื่อเป็นการสร้างครอบครัว หากมีไม่ได้เราก็เข้าใจกันทั้งคู่และเข้าใจทั้งการมีและไม่มี
สำหรับประเด็นของ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ตนก็บอกว่าตนสนิทกับเธอมานานนานแล้วตั้งแต่เด็กเปรียบเสมือนเพื่อนผู้ชาย ในช่วงที่เป็นข่าวเราทั้งคู่ก็ต้องทำงานร่วมกันในการเดินสายทำบุญ เวลาไปก็ไปเป็นกลุ่มหลายคนมากๆ หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าตัว แต่ก็ได้มีการเจอกันในรายการมันก็มีข่าวออกมาด้วย
ตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมาตนก็รู้สึกเสียใจที่มันจบแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกับทุกเหตุผลที่เกิดขึ้น และเราก็ได้พูดกันด้วยความตกลงและเข้าใจและมองว่าเรามีเป้าหมายกับครอบครัวยังไงบ้าง เราไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น จนอยากจะพูดวันนี้วันเดียวเท่านั้น ทั้งที่ไม่ได้อยากพูดอีก ถือว่าได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว
เมื่อช่วงเช้ามีโอกาสไปหาตำรวจไซเบอร์ เจ้าตัวก็ได้เปิดใจว่า ทุกอย่างมันมีขอบเขตสามารถคอมเม้นต์และวิจารณ์ตนได้ แต่อะไรที่มันเกินขอบเขตกระทบถึงครอบครัว ตนก็ต้องทำอะไรบางอย่าง ด้วยความถูกต้อง กับคำที่ว่าเขาเล่าว่าว่าตนเป็นยังไง ตนก็ถามคำถามเดียว ถ้ามันไม่ใช่เป็นแบบนั้น จะรับผิดชอบต่อการกระทำของคุณยังไง และเมื่อเช้าตนก็ไม่ได้ไปฟ้องร้องหรือแจ้งความอะไรแค่ไปปรึกษาว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกและผิด หากหลังจากนี้มีคอมเม้นต์ที่คิดว่าตัวเองคิดถูกแน่นอน ให้เอาคอมเม้นต์มาคุยต่อหน้าตน บนการตรวจสอบที่ถูกต้อง และถ้ามันเป็นผลกระทบต่อคนรอบข้าง ทุกคนก็ต้องรับผลกระทบของตัวเองเช่นกัน
ในวันที่ออกจากบ้านตนได้มีการเขียนโน๊ตไปบอกทาง “นัท มีเรีย” ด้วยเช่นกัน เพื่อขอโทษในสิ่งที่ทำมาและความผิดพลาดทุกอย่าง ในฐานะคู่ครองที่ไม่ได้ดี แต่ไม่ได้มีการเจอหน้าอะไร ตนก็อยากให้นึกถึงใจเราทั้งสองคน เพราะมันเป็นความหวังและความตั้งใจของเราที่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ กับประเด็นที่บอกว่าตนนอกใจอะไรทั้งสิ้นหากตนเป็นจริงตนยอมรับและตนก็ใช่ไม่ว่าเคยไม่ผิดพลาด
ถามถึงอาการป่วยของทาง “นัท มีเรีย” ที่มีก้อนเนื้อช่องท้อง เจ้าตัวก็บอกว่า ตนทราบมาแล้ว ก็พยายามที่จะดูแลและรักษาอย่างหลากหลายรูปแบบ
ซึ่งตนไม่ได้รู้สึกอะไรหากคนโจมตีฝ่ายชายมากกว่าหลังจากจบความสัมพันธ์ เพราะตนเข้าใจ ด้วยความที่เราเป็นผู้ชาย เราก็ต้องยอมรับสิ่งนั้น เพราะเราเป็นหัวหน้าครอบครัวหากดูแลไม่ได้ ก็ควรจะยอมรับสิ่งที่ตามมา วันนี้ตนก็อยากจะให้มันจบและให้ทุกคนเข้าใจ ตนไม่อยากจะให้เรื่องราวครอบครัวเป็นปัญหาไปถึงเรื่องอื่น ยอมรับว่ามันก็มีอารมณ์เฮิร์ทและปัจจุบันยังรักเขาอยู่ตลอด 15 ปี ที่ผ่านมาก็ยังมีความปรารถนาดีต่อกัน
Advertisement