ปุ้ยรับจบ!เผยต้นเหตุรักร้าวแทงแต่สนุ๊ก ยันลำไยถูกเรียกเงิน 10 ล้านจริง
รับจบ! ปุ้ย L.กฮ. อัดคลิปชี้แจงอีกเผยต้นเหตุรักร้าว ฝึกแทงสนุ๊กเกอร์ จนไม่สนใจคนรอบข้าง ยันแฟนสาวแดนเซอร์หนุ่มเรียกเงิน 10 ล้านจริง
วันที่ 4 มี.ค. 68 จากกรณี ลำไย ไหทองคำ หรือ อ้าย สุพรรณษา เวชกามา นักร้องสาวชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ลำใย ไหทองคำ” ระบุ สถานะโสด พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องมือที่สาม แต่คุยกันแล้วว่าขอจบกันด้วยดีกับแฟนหนุ่ม ศรีสกล สมทรง หรือ ปุ้ย L.กฮ. นักร้องหนุ่ม หลังคบมานานเกือบ 9 ปี แต่ต่อมาชาวเน็ตขุด มีชื่อของ บอส แดนซ์เซอร์ชายของลำไย เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ซึ่งลำไย ก็ยอมรับว่าเคยคุยกันจริง ในช่วงที่ห่างกับ ปุ้ย L.กฮ. และมีการจ่ายเงินให้กับ อดีตแฟนสาวของบอส ที่เรียกเงิน 10 ล้าน แต่ทางค่ายไหทองคำ จ่ายให้ 2 ล้านบาท นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด ปุ้ย L.กฮ. แฟนหนุ่มของลำไย ก็ได้ออกมาโพสต์คลิป ความยาว 10.30 นาที ระบุว่า ผมจะมาพูดเรื่องผมกับน้องลำไยและน้องผู้ชาย ซึ่งน้องผู้ชายผมขอไม่เรียกชื่อ ขอเรียกว่าน้องผู้ชาย ปัญหาของผมกับน้องลำไย ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเพราะว่ามีมือที่สามเข้ามา มันเป็นปัญหาเริ่มต้นจากผมกับน้องลำไยก่อนซึ่งหลักๆก็มาจากผม เริ่มต้นผมเป็นคนไม่มีความมั่นใจในการเข้าสังคม ผมไม่ชอบการปาร์ตี้ สังสรรค์ ไม่ชอบงานจัดเลี้ยง เวลาน้องลำไย จัดกิจกรรมสำคัญ ในวันสำคัญ หรือวันหยุดอะไรของเขา ผมจะไม่ค่อยเข้าไปร่วมด้วย ซึ่งน้องลำไยก็จะน้อยใจผมเรื่องนี้มาตลอด และพยายามให้ผมปรับ แต่ผมเลือกที่จะไม่ปรับ เพราะผมมองว่าผมไม่ได้ผิดอะไร ณ เวลานั้นในตอนนั้น และมามี ๐ประเด็นหลักๆ ก็คือผมซื้อโต๊ะสนุ๊ก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีปัญหาสะสมมาแล้ว และผมซื้อโต๊ะสนุ๊กเข้ามาในบ้าน และช่วงที่ผมซื้อโต๊ะสนุ๊กเข้ามาใหม่ๆ ผมฝึกสนุกจริงจังมาก ผมอยากเล่นสนุ๊กเก่ง ก็เลยฝึกแบบจริงจัง เมื่อลำไยมาถึงบ้านตี 4 ผมยังเล่นสนุกไม่เสร็จ น้องลำไยมาถึงบ้าน 8:00 น. ผมก็เล่นสนุ๊กไม่เสร็จ จนน้องลำไยก็เริ่มถาม ว่าพี่ทำไม พี่ไม่ค่อยเล่นสนุ๊กตอนที่หนูออกไปงาน เวลาหนูกลับมาถึงบ้าน พี่หยุดเล่นได้ไหม ผมก็เฉย ก็เล่นเรื่อยๆมาแบบนั้นอยู่ตลอด”
ผ่านไปสักระยะน้องลำไยก็มาพูดอีก และผมก็ยังเล่นอยู่เหมือนเดิม น้องลำไยก็พูดว่า พี่รู้ไหมว่าข้อเสียของพี่เวลาพี่ทำอะไร พี่จะหมกมุ่น และจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นสิ่งเดียวเลย จนพี่ลืมไปเลยว่ารอบข้างพี่ ยังมีสิ่งอื่นยังมีคนอื่นอยู่อีกมากมาย ซึ่งผม รู้สึกว่าผมไม่ได้ผิดอะไร ในตอนนั้น เพราะผมเล่นอยู่ในบ้านผมไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอก ซึ่งมันเป็นความคิดของผม ผมก็เลยตอบน้องลำไยว่าถ้าอ้ายอึดอัด เดี๋ยว ปุ้ยจะกลับไปอยู่ที่ใต้ก็ได้ครับ น้องลำไยก็บอกทำไมต้องกลับไปอยู่ที่ใต้ ผมก็บอกว่าถ้าอึดอัดกัน น้องลำไยก็บอกโอเคถ้าพี่คิดดีแล้ว พี่ลองคิดดูใหม่ ผมก็บอกไม่ต้องคิด เพราะว่าผมจะกลับไปอยู่ใต้เลย จะได้รู้กันด้วยว่าแต่ละคนต้องการอะไร เผื่อว่าเราจะเข้าใจกันมากขึ้น ผมบอกแบบนี้เอง แล้วผมก็แยกไปอยู่ที่ใต้ แต่ระหว่างที่ผมอยู่ที่ใต้ผมก็มีงานอยู่บ้าง ไปอยู่ใต้ไม่ค่อยได้กลับมาปทุมธานี จนไม่แดง โทรไปว่า ปุ้ยลูก ทำไมปุ้ยไม่ค่อยเข้าบ้านเราเลย ปุ้ยมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมก็บอกว่าผมไม่มีปัญหาอะไรเลยครับแม่ ผมอยากกลับมาปลูกบ้านที่ใต้ ผมอยากมาสร้างบ้านที่ใต้ครับแม่ เดี๋ยวผมเสร็จธุระเดี๋ยวผมกลับไป แม่แดงก็เข้าใจแบบนี้ เพราะว่าผมกับน้องลำไย จะไม่เอาปัญหาไปให้แม่แดงได้รับรู้ และระหว่างที่ผมกลับไปอยู่ใต้ ผมก็ส่งคลิปส่งรูปที่ผมปลูกสร้างบ้านที่กำลังสร้างบ้านให้ช่างมาทำบ้าน ให้น้องลำไยดู อัปเดตว่า ปุ้ยทำบ้านแล้วนะ ปุ้ยอาจจะไม่ได้กลับไปอยู่ที่นั่น ต่อไปอ้ายก็ต้อง ดูแลตัวเองให้ดี ต้องวางแผนชีวิตดีๆ ต้องดูแลตัวเองดูแลครอบครัว ดูแลแม่นะ ปุ้ยอาจจะไม่ได้กลับไปแล้ว ปุ้ยอาจจะปักหลักอยู่ที่ใต้ ผมบอกแบบนี้น้องลำไยก็โอเค เพราะว่าเขาบอกว่าเคารพการตัดสินใจของผม ถ้าผมต้องการแบบนี้เขาก็ขัดไม่ได้ จึงตกลงกันว่า ถ้าผมจะมีใคร น้องลำไยก็จะไม่ปิดโอกาส แต่ขอให้บอก ถ้าน้องลำไยจะมีใคร ก็ขอให้บอก ผมก็จะไม่ปิดโอกาส ก็ตกลงแยกกันใช้ชีวิตกันอยู่แบบนี้ แต่แค่ตอนนั้น เราไม่ได้มาเปิดอะไรให้ใครรู้ ก็แยกกันอยู่สักพักใหญ่ๆ ระหว่างที่แยกกัน ก็มีการแซวคุยกันอยู่เรื่อย แต่น้อยลง จากที่เราอยู่ด้วยกันเราคุยกันน้อยลง ณ เวลานั้น ก็มีการแซวกันตามประสาคนรักกัน คนเคยอยู่ด้วยกัน
จนมีอยู่วันหนึ่ง น้องลำไยบอกว่า จะคุยกับคนนี้ แต่ตอนนั้นผมก็มองว่า เป็นการคุยแบบเด็กๆไม่มีปัญหาอะไรก็คุยกันไป พอผ่านมาสักระยะหนึ่ง น้องลำไย ก็เริ่มโทรมาปรึกษาบ่อยขึ้นว่า พี่คิดว่ายังไง ผมก็บอกว่าโอเค ก็ลองคุยกันไปก่อน ไม่เป็นไรหรอก แต่ก็ให้ระวังหน่อยว่าเขาเข้ามาแบบไหนให้ดูดีๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาเข้ามาต้องการอะไรจากเรา ค่อยๆดูกันไป ก็บอกลำไยไปแบบนี้ ซึ่งผมก็สังเกตมาตลอดก็ติดตามเขามาตลอด ก็ยังหวังดีต่อกัน เป็นห่วงเป็นใยต่อกัน จนผ่านไปน้องลำไย มีปัญหาก็มาปรึกษาผม ว่าอยู่ๆ แฟนของน้องผู้ชายคนนี้เข้ามาแบบนี้แบบนี้ แล้วผมก็บอกว่า ไหนเขาบอกว่าเลิกกับแฟนแล้วเขาแยกกับแฟนแล้ว เพราะว่าก่อนที่น้องลำไยจะไปคบกับน้องผู้ชาย น้องลำไยก็บอกหมดว่าผู้ชายพูดมาแบบนี้ ผมก็ได้รับรู้ น้องลำไยก็บอกหนูก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง หนูไม่รู้ แต่อยู่ๆแฟนเขาโผล่มาแบบนี้ ผมก็บอกว่างั้นอ้ายโดนหลอกแล้ว ซึ่งผมไม่ได้ว่าน้องผู้ชาย แต่ความรู้สึกผมพฤติการณ์มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่าน้องลำไย น่าจะโดนหลอกหรือเปล่า
ช่วงนั้น น้องลำไยเครียดมากก็ทำให้ได้ปรึกษากันบ่อยขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น น้องลำไย ก็บอกว่าพี่ “เขาเรียกเงินหนู 10 ล้าน ผมยังตกใจ แล้วผมก็ถามว่าบริษัทรู้หรือยัง ลำไยบอกว่าหนูคุยกับบริษัทแล้ว ผมบอกโอ้โห ทำไมเรียกตั้ง 10 ล้าน อันนี้มันแปลกๆนะ มันผิดปกติ เขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวปุ้ยลองคุยกับบริษัทดูซึ่งผมก็คุยกับบริษัทน้องลำไย และปรึกษากันว่า ลองนัดมาคุยดูไหม เพราะว่าทั้งผมทางบริษัทและน้องลำไย ก็ไม่อยากให้มันเป็นปัญหา เพราะว่าคนที่รักน้องลำไย หรือคนที่รักเราเขาไม่รู้หรอกว่าเราไปเจอข้อมูลจริงไม่จริงมายังไง แต่ถ้ามีปัญหาเราเป็นคนสาธารณะ เราก็โดนตำหนิ ติ เตียนอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ไม่อยากให้มันเกิดตรงนี้อยากให้มันจบ จากนั้นบริษัท ก็นัดน้องลำไย คุยกับน้องผู้หญิง แต่วันนั้นผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผมยังอยู่ที่ใต้ มีการตกลงการจ่ายเงิน 2 ล้านบาท มีการเซ็นรับเงินเรียบร้อย มีสัญญาการเซ็นรับเงิน 2 ล้านบาท น้องผู้หญิงเป็นคนรับเงิน ก็คิดว่าทุกอย่างจะจบ รับปากกันว่า ทุกอย่างจะจบหมดทุกอย่าง”
จากนั้นน้องลำไย ก็ไม่ได้คุยต่อกับน้องผู้ชาย เพราะน้องลำไย ไม่อยากคุยแล้วเขากลัว ทีนี้เขารู้และว่ามันไม่ใช่แล้ว ซึ่งเขาบอกจะให้ทางบริษัทพักงานน้องผู้ชายซึ่ งผมก็บอกว่าหยุดไม่ได้ ต้องหักตังค์เขาด้ว ยโดยให้เขาทำงานไป ต้องให้เขาได้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำด้วย เพราะว่าเป็นผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบในส่วนตรงนี้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ไม่มีเยื่อไม่มีใยต่อกัน
จากนั้นผมก็ย้ายกลับมาอยู่ปทุมธานีเหมือนเดิม ก็ทำให้ปรับความเข้าใจกันได้มากขึ้น สิ่งที่เราเคยมีปัญหาสิ่งที่พลั้งพลาดกันมา ก็ปรับความเข้าใจกัน จนกระทั่งมีปัญหาในงานวันเกิดน้องลำไยที่ผ่านมา ก็มีปัญหาอีกรอบ ซึ่งน้องลำไย ก็เตรียมงานเหมือนเดิม ซื้อเสื้อผ้าให้ผมและแม่แดง บอกว่าพี่ใส่ชุดนี้นะ แม่ใส่ชุดนี้นะ ไปเวลานี้นะ หนูรอตัดเค้ก รอเป่าเค้กตอนนี้นะ มีพี่ๆที่รู้จักด้วย มีพี่ๆที่พี่ชื่นชอบมาในงานด้วยนะ ผมก็รับปากโอเคครับ เป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่พอถึงเวลาผมให้เพื่อนไปส่งแม่ แต่ผมไม่ไป ซึ่งน้องลำไย เขาก็งอน แต่ที่ผมไม่ไปงาน มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใคร เพราะผมเป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว แล้วน้องลำไย ก็งอน แล้วบอกว่า สรุปพี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ทำให้เราคุยกันน้อยลงไปอีก แต่เราอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้แยกกันซึ่งก็ยังอยู่บ้านเดียวกันอยู่ ผมก็ประชดประชันอยู่เรื่อยๆ ว่าถ้าอ้ายเข้าบ้าน ปุ้ยก็ไม่เข้าก็ได้นะ
“ผมประชดประชันอยู่แบบนี้ จนถึงขั้นผมถอดแหวน ซึ่งเป็นแหวนที่น้องลำไยซื้ อให้ใส่ น้องลำไย ก็ถามว่าแหวนไปไหน ผมก็บอกว่าถอดทิ้งไปแล้ว ขี้เกียจใส่ผมก็ตอบไปห้วนๆแบบนี้ ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ไม่แรง แต่มันทำร้ายความรู้สึก”
น้องลำไย ก็เลยถามว่าแล้วเรื่องเราจะเอายังไง ผมก็บอกว่าเอายังไงก็ได้ก็แล้วแต่อ้าย ก็ถามย้ำกันอยู่แบบนี้เรื่อยๆ เจอกันนั่งกินข้าวก็ถามกันแบบนี้ จนเมื่อวันที่ผ่านมา ที่น้องลำไยได้โพสต์ คือเขาโพสต์เพราะว่า น้อยใจผม ก็เลยทำให้ชัดเจนไปเลย พอผมเห็นน้องลำไยโพสต์ ผมก็โทรไปเคลียร์ ว่าปุ้ยไม่อยาก ให้มันจบแบบนี้ ปุ้ยแค่ประชด เดี๋ยวปุ้ย จะปรับตัวเอง และน้องลำไย ก็บอกว่า พี่จะให้หนูปรับตรงไหนพี่ก็บอกได้เลย หนูก็ยินดีจะปรับ แต่พี่แค่บอกหนู พี่อย่านิ่ง พี่อย่าเฉยไม่ใช่หนูถามอะไรพี่ก็ไม่ตอบ พี่ก็บ่ายเบี่ยง บางทีหนูก็เหนื่อย หนูทำงานหนัก ผมก็บอกว่าโอเคครับ ขอโทษ ผมก็ขอโทษขอโพยกัน เมื่อเราเคลียร์กันเราดีกัน มันก็มีปัญหาตามประเด็นที่ผมชี้แจงไปก่อนนี้ออกมา
“ผมกับน้องลำไยขอบคุณทุกๆคน ทุกๆกำลังใจที่ให้กำลังใจเรา และเข้าใจคอมเมนต์อีกด้านหนึ่ง ผมกับน้องลำไยเป็นคนสาธารณะ เรายินดีรับคำชมและคำติเตียน คำตำหนิ คำตักเตือน เรายินดีรับไว้หมด แต่ยืนยันว่าน้องลำไยไม่ได้ทำผิดต่อผม พี่ๆที่เข้าใจผมที่เห็นใจผมผมยินดีดีใจมาก แต่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรต่อผม ผมก็พูดเท่านี้นะครับนี่คือความจริง”
Advertisement
