'อนุกมธ.นิรโทษกรรม' กำหนด 25 ฐานความผิด ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน แต่ยังไร้วาระถก "ยิ่งลักษณ์" กลับบ้าน
วันที่ 17 เม.ย. ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม แถลงข่าวผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ
โดยประเด็นแรกคือ นิยามของ 'แรงจูงใจทางการเมือง' มีความสำคัญเพราะเป็นส่วนประกอบในการพิจารณาการกระทำความผิด ฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นการนิรโทษกรรม ซึ่งแรงจูงใจทางการเมืองมีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองหรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง ในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งหรือเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
สำหรับข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง จากหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม นายนิกร ระบุว่า จะใช้ข้อมูลของสำนักงานศาลยุติธรรม เพราะเป็นข้อมูลข้อมูลที่มีการรวบรวมสถิติไว้อย่างเป็นระบบ มีความชัดเจนพอสมควรและได้มีการฟ้องร้องเป็นคดีแล้ว ต่างจากหน่วยงานอื่นที่ขอไปซึ่งยังขาดความชัดเจนเพียงพอต่อการนำมาใช้ประกอบเป็นข้อมูลสถิตินำเสนอ ทั้งนี้ยังสมควรต้องสืบค้นจำนวนผู้กระทำความผิดในแต่ละฐานความผิดมาประกอบการพิจารณาด้วย
ส่วนฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นการนิรโทษกรรม คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาข้อมูลฐานความผิด โดยนำบัญชีท้าย ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา พ.ศ. ..(คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความยุติธรรมในคณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557) ที่กำหนดความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง 15 ฐานความผิดมาเป็นหลักในการพิจารณา
โดยพิจารณาร่วมกับบัญชีท้ายร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสันติสุข พ.ศ. .... (พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอ) กับ ฐานคดีความผิดทางการเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2557 – พ.ศ. 2567 ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มาเพิ่มในฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับแรงจูงใจทางการเมือง ในส่วนของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา อีก 6 ฐานความผิด เป็น 15 ฐานความผิด
และเพิ่มกฎหมายที่มีความเกี่ยวเนื่องกับแรงจูงใจทางการเมืองอีก 8 ฉบับ จากเดิม 17 ฉบับ รวมทั้งหมดเป็น 25 ฉบับ เพื่อให้ครอบคลุมการกระทำความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 จนถึง 2567
คณะอนุกรรมการฯ ยังรวมฐานความผิดจากเหตุการณ์การชุมนุมครั้งสำคัญ คือ
4.1 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2551
4.2 การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2553 (รวมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ นปก.)
4.3 การชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) พ.ศ. 2556 ถึง พ.ศ. 2557
และ 4.4 การชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ถึงปัจจุบัน
มาตรา 112 ยังอ่อนไหว นิรโทษกรรม
ในส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และ 112 ในการศึกษาเดิมของหลายคณะที่ผ่านมา ได้ยกเว้นเรื่องมาตรา 112 ไว้ทั้งหมด เพราะเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวและเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ จึงไม่ได้รวมไว้ และจากรับฟังความเห็นโดยทั่วไป ก็ยังเห็นว่ามาตรา 110 และ 112 ยังเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวอยู่
สำหรับระยะเวลาในการนิรโทษกรรมนั้น คณะอนุกรรมาธิการ เห็นว่าการกำหนดระยะเวลาควรพิจารณาจากเหตุการณ์ชุมนุมครั้งสำคัญคือช่วงเวลาตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 ถึงปัจจุบัน
โดยขั้นตอนต่อไปของรายงานฉบับนี้ คือ จะเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้พิจารณาพิจารณาในวันที่ 18 เมษายน 2567 นี้
"อนุกมธ.นิรโทษ" เผย ไร้วาระถก"ยิ่งลักษณ์"กลับบ้าน ชี้ ไม่พิจารณารายบุคคล ดู 3 เงื่อนไข เข้าข่ายหรือไม่
ส่วนกรณี ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายถูกนิรโทษกรรมหรือไม่ นายนิกร บอกว่า ในคณะอนุกรรมาธิการไม่ได้พิจารณาเป็นรายบุคคล ไม่ได้พิจารณาตรงนี้ แต่หากจะพิจารณา ต้องดูว่า เข้าเงื่อนไขหรือไม่คือ 1. ระยะเวลา ที่เราเสนอไปตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน เพราะหากเกิดก่อน ปี 2548 ถือว่าไม่เข้า 2. คือฐานความผิดที่ขณพนี้มีอยู่ 25 ฐานความผิด 3. มีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ อย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องพิจารณา ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ในคณะอนุกรรมาธิการที่มีนายยุทธพร อิสรชัย เป็นผู้จำแนกต่อไป
เมื่อถามย้ำว่าจำนำข้าวไม่ได้อยู่ใน 25 ฐานความผิดที่จะนิรโทษกรรมใช่หรือไม่นายนิกร กล่าวว่า เราไม่ได้พิจารณาเป็นรายบุคคล ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการของนายยุทธพรจะลงในรายละเอียด ซึ่งทุกกรณีจะต้องพิจารณาว่าเป็นแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ตามนิยามที่ให้ ต้องดูว่าเป็นฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่มีความเห็นว่ากรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ จะเข้าข่าย 25 ฐานความผิดที่จะได้นิรโทษกรรมหรือไม่ เพราะยังไม่ถึงขั้นการลงรายละเอียด
นายนิกร ยังยืนยันว่าไม่มีใครส่งสัญญาณมา เราพิจารณามา 3,800,000 คดี ที่เกี่ยวเนื่องทางศาลไม่ได้แยกแยะให้ใช้เวลาอีกประมาณ 30 วัน
ส่วนหากเป็นเรื่องทุจริตจะไม่เข้าข่ายเลยใช่หรือไม่ นายนิกร ยังคงยืนยันว่าไม่ได้พิจารณาเป็นรายบุคคลในชั้นนี้
Advertisement