พร้อมพงศ์ เดินหน้าฟัน ลุงป้อม ร้องป.ป.ช. สอบทำผิดรัฐธรรมนูญ -ผิดจริยธรรมร้ายแรง ขาดประชุม-แทรกแซงหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่
วันที่ 27 ก.ย. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนและมีความเห็น
กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีพฤติการณ์ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ซึ่ง ป.ป.ช .มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) และมาตรา 235 (1) และกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 87 ตามคำวินิจฉัยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 และส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเป็น สส.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่จากพฤติการณ์การไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตรที่ได้ข้อมูลมาจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 66 จนถึงปัจจุบัน พล.อ.ประวิตรน่าจะลาประชุมเป็นฉากบังหน้า โดยอ้างว่าติดภารกิจถึง 84 ครั้ง จากวันประชุมทั้งหมด 95 ครั้ง ส่วนในวันที่มีการลงชื่อมาประชุม 11 ครั้ง ก็มีเหตุน่าสงสัยว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้มาเซ็นต์ชื่อในจุดที่สภาฯกำหนด รวมถึงมีเจ้าหน้าที่รัฐนำบัตรประจำตัว สส.ไปสแกนให้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า แม้ สส.จะมีสิทธิลา แต่ใครจะลาได้เหมือน พล.อ.ประวิตร ที่ลาทั้งสมัยประชุมสภาฯ ที่สำคัญเป็นการลาที่ผิดข้อบังคับ เพราะไม่ได้ป่วยจริง ไม่มีเหตุสุดวิสัยจริง โดยพบว่า พล.อ.ประวิตร ไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในวันที่ลาประชุม จึงถือเป็นการขาดประชุม โดยน่าจะใช้การลาเป็นฉากบังหน้าและอยู่ในฐานะ “แจ้งเท็จ” ต่อประธานสภาฯ พล.อ.ประวิตรจึงเป็นผู้แทนราษฎร เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีพฤติการณ์ส่อว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต ประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง และกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยยึดประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศชาติ
“การจะพิสูจน์ว่ามีใครนำสมุดมาให้ พล.อ.ประวิตร เซ็นต์ชื่อนอกบริเวณจุดที่กำหนด หรือมีใครนำบัตรประจำตัว สส.ไปสแกนแทนจริงหรือไม่ ทำได้ไม่ยาก ผมว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ ซึ่งป.ป.ช.มีอำนาจที่จะเรียกดูได้อยู่แล้ว และงานนี้จะเป็นบทพิสูจน์องค์กรอิสระว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
Advertisement