วันนี้ (21พ.ย.67) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงตอบโต้กระทรวงยุติธรรม ที่กล่าวหาว่า กมธ.ความมั่นคงฯ ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีพักรักษาตัวชั้น 14 และเตรียมส่งเรื่องนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ชี้ขาด
โดยนายปิยรัฐ กล่าวว่า กรณีที่ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ได้ทำหนังสือท้วงติงถึง กมธ.ทุกคน ว่าไม่มีอำนาจเชิญหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม กรณีนายทักษิณรักษาตัวชั้น 14 แต่ทางกรมราชทัณฑ์ กลับไปแถลงข่าวก่อน ทั้งที่ประทับตรารับไว้แล้ว ตนยืนยันว่า กมธ. ได้ทำหนังสือเชิญกรมราชทัณฑ์มาแล้ว 1 รอบ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็มาชี้แจงต่อ กมธ.แล้ว ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และฝ่ายผู้อำนวยการกองกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ก็เสนอต่อ กมธ.เองว่าขอให้ กมธ.มีมติเป็นคำสั่งให้กรมราชทัณฑ์ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ ซึ่งตนยังแย้งไปว่าถ้าเมื่อไหร่ ทาง กมธ.มีมติเรียกเอกสารจากกรมราชทัณฑ์มา แล้วท่านไม่มาก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ ก็จะมีความผิดทางวินัยในฐานะข้าราชการ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ตนยังบอกไปว่าอย่าให้ถึงกับมีคำสั่งเรียกเลย ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ที่มาชี้แจงจะเข้าใจหรือไม่ แต่เขาก็ยังให้ทำหนังสือไปถึงกรมราชทัณฑ์ ซึ่ง กมธ. ก็ทำให้ ในหนังสือที่ทำไปก็ชัดเจนว่าต้องการศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม กรณีกรมราชทัณฑ์ให้อดีตนายกรัฐมนตรีพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจกับการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำหนังสือไป
นายปิยรัฐ ยังโชว์เอกสารหนังสือเชิญกระทรวงยุติธรรม และกล่าวด้วยท่าทีดุเดือด ยืนยันว่า กมธ.สามารถศึกษาเรื่องการปฏิรูปได้ เพราะการทำงานของ กมธ.ครอบคลุมเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐและการปฏิรูปประเทศ เพราะชื่อของ กมธ. ก็สามารถทำงานครอบจักรวาลได้ แค่คำว่าปฏิรูปประเทศอย่างเดียว ก็สามารถทำได้หลายเรื่อง เช่น การปฏิรูปตำรวจ ตำรวจก็เป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม แล้วทำไมกรมราชทัณฑ์จะไม่ใช่หนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่เราปฏิรูปไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเราจะปฏิรูปถ้าเราไม่แสวงหาข้อเท็จจริง ไม่ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วเราจะปฏิรูปได้อย่างไร
"ผมอยากให้ทางหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะอธิบดี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ทำหนังสือมาถึงเรา ที่บอกว่าเราทำหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 129 วรรค 2 ว่าเราทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับ กมธ. อื่นนั้น ท่านมีอำนาจอะไรมาวินิจฉัย ทั้งที่เราทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาด้วยซ้ำไป ขอให้โต้แย้งมาว่าเราไม่ได้ประชุมเรื่องการปฏิรูปอย่างไร" นายปิยรัฐ กล่าว
นายปิยรัฐ กล่าวว่า ใน กมธ. ก็มีทั้ง สส. ฝ่ายค้านและรัฐบาลนั่งอยู่ด้วย ดังนั้น การจะเชิญหน่วยงานใดมาก็ต้องขอมติจาก กมธ.ทุกคน จึงอยากให้เข้าใจว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน แต่เราทำหน้าที่ในฐานะ กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎร และหากประธานสภาฯ วินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร เราก็ไม่ขัดข้อง ขอให้เป็นไปตามนั้น
เมื่อถามว่ามองว่าการแถลงในครั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมมีเป้าประสงค์อย่างไร นายปิยรัฐ กล่าวว่า คงต้องตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าท่านรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ดังนั้น รัฐมนตรีน่าจะมาชี้แจงด้วยตัวเองจะดีกว่า
"ผมยืนยันกับพ.ต.อ.ทวี ว่าเรื่องนี้ จะไม่นำมาเป็นเรื่องเล่นงานหรือหาเสียงทางการเมืองแต่อย่างใด มาชี้แจงข้อเท็จจริง แล้วนำข้อเท็จจริงนี้มาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เราได้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำคือเรื่องตำรวจแล้ว เรากำลังไปกระบวนการศาล กระบวนการราชทัณฑ์ต่อไป แค่นำเรื่องนี้เข้ามาศึกษาเท่านั้นเอง" นายปิยรัฐ กล่าว
Advertisement