เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 5 ก.พ. 68 ที่สำนักงานใหญ่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กทม.นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลัง กฟภ. ดำเนินการตัดไฟเมียนมาในวันนี้ (5 ก.พ. 68) เวลา 09.00 น. ตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า
กฟภ.ได้ทำการหยุดการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมาในพื้นที่ 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมา ตั้งแต่ จ.เชียงราย ตาก และจ.กาญจนบุรี ตามมติของที่ประชุม สมช.ที่มีการประชุมไปเมื่อวานนี้ตอนเย็น โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ลงนาม และมีหนังสือสั่งการมายัง กฟภ.ให้ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าภายในเวลา 9 โมงเช้าของวันนี้
ซึ่ง กฟภ.ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของมติที่ประชุม สมช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเป็นผู้ปฏิบัติก็ได้ดำเนินการ เมื่อมีข้อสั่งการที่ถูกต้อง และเป็นข้อสั่งการที่ชอบด้วยกฎหมาย กฟภ.ก็สามารถที่จะดำเนินการได้ทันที
ส่วนที่มีการพูดกันอย่างมากมายว่าทำไมกระทรวงมหาดไทยไม่ดำเนินการตัดสินใจในการตัดกระแสไฟฟ้าเอง เพราะมันอยู่นอกเหนืออำนาจ ซึ่งต้องมีการประชุม สมช. มีมติและมีหนังสือออกมา เมื่อมีหนังสือมาแล้วเราก็ดำเนินการทันทีตามที่ตนและปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เคยให้ข้อมูลเอาไว้ว่าบทบาทและหน้าที่ของเราเป็นอย่างไร วันนี้ก็เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้การอนุญาตให้ขายไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดำเนินการ ซึ่งจริงๆ แล้วการนำเสนอให้ ครม.ทราบก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้กระทั่งมติที่ประชุม สมช.เมื่อวานนี้ หากดำเนินการตามสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้วก็ต้อง นำเรียนนายกรัฐมนตรีรับทราบ ส่วนนายกฯ จะนำเข้าที่ประชุม ครม. แจ้งเพื่อทราบหรือไม่นั้น ก็เป็นการพิจารณาของนายกฯ แล้วก็มีมติต่อเนื่องอีกมากมาย อีกทั้งมีมติหนึ่งได้ให้กระทรวงมหาดไทย และ กฟภ.ได้ดำเนินการศึกษามติของ ครม.ที่เคยได้ให้อนุญาตให้ขายไฟฟ้า ให้ไปทบทวนและปรับปรุงแก้ไข เพื่อนำเสนอ ครม.ให้มีมติ ครม.ใหม่ว่า จากนี้ไปจะเป็นไปภายใต้เงื่อนไขนี้ ซึ่งปี 2539 และปี 2541 อาจจะยังไม่มีสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเราต้องมาศึกษา และนำเสนอว่ามติครม. หากจะมีการขายไฟฟ้าจากนี้ไปควรจะมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เคยมีการสั่งให้ระงับการจ่ายไฟ แต่สั่งให้ไปติดตาม ประสานงาน และสืบสวนสอบสวนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย จากการนำไฟฟ้าที่เราขายไปไปยังเมียนมาหรือไม่ ถ้ามีก็ขอให้ทำการตัด ซึ่งในส่วนของ กฟภ.หลังจากได้รับมติ ครม. นั้นมาก็ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวันนี้รัฐบาลบอกว่าให้หยุด เพราะว่าคุณเอากระแสไฟฟ้าเราไปทำความเดือดให้กับประเทศของเรา ดังนั้นเขาต้องไปแก้ไข และคงมีการเจรจาใหม่
เมื่อถามว่ารัฐบาลเมียนมาได้มีการร้องขอหรือไม่ว่า อาจจะกระทบกับประชาชนในแต่ละหมู่บ้านของเมียนมา หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาล นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้แจ้งมาว่า เป็นผู้ประสานและหารือกับรัฐบาลเมียนมา
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้โยนเรื่องนี้กันไปมา แต่มันมีขั้นตอน ซึ่ง กฟภ.มีหน้าที่จ่ายไฟ แต่ไม่ได้มีหน้าที่ไปประเมินว่าจุดนี้มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ หรือมีผลต่อความมั่นคงทางพลังงานหรือไม่ เราอาจจะประเมินเองได้แล้วแต่ต้องไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราจะต้องประสาน สมช.
“ตอนนี้ตัดไปทั้งหมดประมาณ 20 เมกะวัตต์ รายได้ 1 เดือนประมาณ 50 ล้านบาท ตกปีละ 600 ล้านบาท ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของความมั่นคง และเรื่องของการรับข้อสั่งการจากรัฐบาล ไม่มีเรื่องการเมือง หรือทำเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมยืนยันตั้งแต่วันแรกที่เกิดประเด็นนี้แล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่มีข้อสั่งการถูกต้องตามกฏหมาย กฟภ.ก็จะดำเนินการทันที และเราก็ทำให้เห็นวันนี้แล้ว”
Advertisement