วันที่ 14 ธ.ค. 67 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน และครบรอบ 1 ปี 4 เดือนในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยว่า เท่าที่ติดตามไม่แน่ใจว่า การแถลงที่ผ่านมาเป็นการแถลงผลงาน หรือเป็นการแถลงนโยบาย โดยมีข้อสังเกตที่ขอแสดงความห่วงใยดังนี้
1 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้โดยเฉพาะหนี้เสียภาคครัวเรือน เป็นสิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยสนับสนุน แต่ขอให้ระมัดระวัง และกำกับดูแลให้ดีเพื่อให้นโยบายลงถึงพี่น้องประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ผู้ที่ได้ประโยชน์เป็นธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ
รวมถึงหนี้นอกระบบ แม้รัฐบาลจะเคยมีมาตรการ ออกมาแล้ว แต่ล้มเหลวไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้ และการแถลงนโยบาย ที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังมีหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังไม่ได้เป็นหนี้เสีย ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด และเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชน จะแก้อย่างไร
2 การจะแก้หนี้ภาคครัวเรือนได้ จะต้องกลับไป ปรับ การสร้างรายได้ให้เกิดความเข้มแข็ง ทั้งการสร้างรายได้จากฐานความเข้มแข็งเดิมไม่ว่าจะเป็น ในส่วนของ SMEs ภาคเกษตร การท่องเที่ยว หรือภาคการส่งออก เป็นต้น รวมถึงการสร้างรายได้ ในโลกยุคใหม่ซึ่งเป็นยุคของเมกะเทรนด์ เช่นบริการด้านสุขภาพ เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด ลิเธียมและแบตเตอรี่ คลาวด์ เมตาเวิร์ส เป็นต้น ซึ่งรัฐไทยต้องเตรียมการ เพื่อสร้าง เด็กยุคใหม่ และแรงงานที่มีทักษะ รองรับการลงทุนเหล่านี้
3 การแจกเงินหมื่น ในรอบสองช่วงต้นปีหน้า อยากเรียกร้องให้รัฐบาล ทำการศึกษาว่าเงินที่แจกไปในเฟสแรกกว่า1.4แสนล้านบาทนั้น มีผล เป็นพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจจริงหรือไม่ เพราะการแจกเงินมหาศาล แต่แลกมากับการเติบโตของ GDP เพียง 0.2% นั้น ได้ไม่คุ้มเสีย ที่สำคัญเงินที่นำมาแจกทุกบาททุกสตางค์ คือหนี้สินของประชาชนทั้งประเทศ ที่ต้องร่วมกันชดใช้ หากรัฐบาลหมดหนทางในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้ผลกว่านี้ การนำนโยบายของรัฐประยุทธ์ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน กลับมาใช้ ก็เป็นทางเลือก ที่อาจจะดีกว่าการนำเงินภาษีของประชาชนไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
4 ขอเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งรัดแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งขณะนี้ประชาชนต่างร้องว่า“ ของแพงทั้งแผ่นดิน” เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เช่นค่าน้ำมัน ค่าไฟ หากรัฐบาลกล้าปฏิรูประบบพลังงาน จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ให้ประชาชนลงได้มาก แต่ที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการเพียงลด ค่าน้ำมัน ค่าไฟ เป็นการใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนไปอุดหนุน ควักกระเป๋าซ้ายจ่ายกระเป๋าขวา ซึ่งเป็นมาตรการเพียงชั่วคราวเท่านั้น คนไทยจึงไม่เห็นการปรับเปลี่ยน โครงสร้างพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างแท้จริง
5 ปัญหาเรื่องยาเสพติด เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนตั้งความหวังไว้สูง เพราะมีความทุกข์มาก ลูกหลานเยาวชนถูกทำร้ายจากพิษภัยของยาเสพติด ที่แพร่ระบาดอย่างหนักเข้าไปทำลายเด็กถึงในสถานศึกษา ตัวเลขอาชญากรรม บ่งบอกชัดเจนว่า ปัญหาอาชญากรรมเมืองไทย มีจุดเริ่มต้นมาจากยาเสพติด ดังนั้นผู้มีอำนาจต้องดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการเป็นผู้กำกับดูแล ปฏิบัติหน้าที่เป็นกิจวัตรประจำวันเท่านั้น แต่ต้องดำเนินการเชิงรุก ทั้งการป้องกัน ปราบปราม พร้อมนำผู้เสพเข้าสู่การบำบัดโดยทำอย่างจริงจัง ควบคู่กันไป
6 การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น นอกจากจะไม่มีผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว นโยบายต่อเรื่องดังกล่าวก็ไม่ถูกนำมาพูดถึง การเอื้อ ประโยชน์ การช่วยเหลือพวกพ้องคนใกล้ชิดผู้มี อำนาจในรัฐบาลยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องจน สังคมตั้งคำถามถึงการเลือกปฏิบัติและการบังคับ ใช้กฎหมาย ดังนั้นการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นรัฐบาลต้องเอาจริงเอาจัง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการสร้างการเมืองสุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็งด้วย
Advertisement