เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 8 ก.พ. 68 ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน 6 ดอนเมืองกรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีได้พาลูกสาว และลูกชายมารอรับ
เมื่อนายกฯลงจากเครื่องบินได้เดินตรงโผเข้าไปกอด และหอมลูกด้วยความคิดถึง
ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่า ไปจีนหนาวแล้ว กลับมาประเทศไทยอุ่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เวลาไม่ใส่เสื้อกันหนาวแล้ววิ่งไปถ่ายรูปก็จะหนาว ตอนที่อยู่ปักกิ่งยังพอไหว แต่ที่ฮาร์บิน คืออย่าทำอย่างนั้น
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ได้พูดคุยกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า อันนี้ดีมาก ทางจีนสนับสนุนในเรื่องที่เราทำ โดยประธานาธิบดีจีนเอ่ยชมเรื่องนี้ และเห็นว่าประเทศไทยทำอย่างนั้นอย่างนี้เป็นการตัดสินใจเด็ดขาด เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
เมื่อถามว่า ทางจีนจะสนับสนุนเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางจีนบอกว่าต้องทำงานร่วมกัน ในส่วนของจีนเองจะทำงานเรื่องนี้เข้มข้นเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบทั่วโลก ในรายละเอียดเราจะตั้งคณะทำงานที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะร่วมกันระหว่างไทย-จีน หากมีอะไรเพิ่มเติมจะคุยกันผ่านคณะทำงานนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรต่อ หลังมีการตัดน้ำตัดไฟไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า เราต้องดูเรื่องของตัวเลขด้วยว่าลดได้แค่ไหนบ้าง และประชาชนมีผลตอบรับกลับมาอย่างไร เพราะการทำสิ่งเหล่านี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และป้องกันเรื่องภัยอันตราย
“ส่วนเรื่องการประท้วงทางฝั่งเมียนมาทราบแล้ว แต่อย่างที่บอกเราต้องดูแลคนของเราก่อน เพราะดิฉันเป็นนายกฯของประเทศไทย คิดว่าทางนั้นก็ต้องดูแลประชาชนของตัวเอง ทุกประเทศต้องดูแลคนของตัวเอง”
เมื่อถามว่า มีการเริ่มต่อต้านการซื้อสินค้าจากไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอระหว่างรัฐบาล และรัฐบาลคุยกันในรายละเอียด เมื่อถามกรณีที่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงเรื่องชั้น 25 ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา อาจมีการไปคุยเรื่องการถอนสัญชาติคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า ในรายละเอียดเรื่องนี้ยังสามารถทำได้อีกเยอะ สิ่งที่นายทักษิณพูดก็เป็นข้อแนะนำ และตนจะมีการไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ คาดว่านี้จะเป็นอีกเรื่องที่จะได้พูดคุยกัน
Advertisement