น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเลื่อนเจรจากรณีกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ออกไปจากเดิมวันที่ 23 เม.ย. นี้ว่า ใช่ เรื่องนี้มีการเลื่อน เนื่องจากประเทศไทยทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีการคุยกันในเรื่องของมาตรการของการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เมื่อมีการส่งทีมล่วงหน้าไปมีสาระสำคัญบางอย่างที่เขารีเควสกลับมาให้เราทบทวนในเรื่องที่จะไปเจรจา เดี๋ยวจะมีการนัดกันใหม่อีกครั้ง แต่ในส่วนของรายละเอียดว่าเป็นเรื่องอะไรบ้าง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะชี้แจงต่อไป
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีข้อเสนอให้รัฐบาลรื้องบประมาณปี 2569 และเห็นด้วยหากรัฐบาลจะออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อรับมือภาษีสหรัฐฯ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รับฟังทุกความคิดเห็นอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ลองนำมาพิจารณาประกอบว่าจะเกิดผลอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวด้วย หากระยะยาวมีข้อตกลงหรือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหนก็จะให้ทีมทบทวนเรื่องนี้อีกที ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ของฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่ามีโอกาสหรือไม่นายกฯจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเจรจาด้วยตัวเอง นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวลองดูระดับของการคุยกันก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในส่วนของตนพร้อมอยู่แล้วที่จะไปพูดคุยเจรจา เมื่อถามว่าการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯถือว่าช้าเกินไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่บอกจริงๆเราไม่ได้ช้าเกินไป เนื่องจากสหรัฐฯประกาศระยะเวลา 90 วันก่อนที่การขึ้นภาษีจะมีผล ซึ่งตอนนี้เราทบทวนและพูดคุยกับทีมเจรจาอย่างไม่เป็นทางการว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เราจะควรคุยกัน เพราะบางเรื่องเช่นภาษีที่เขาเสียให้เราแพงเกินไปก็ดูว่าควรจะปรับให้สมเหตุสมผลหรือไม่ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ ซึ่งขณะนี้ทีมทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกคน ถ้าถามว่าช้าเกินไปหรือไม่ ไม่ช้าเกินไป
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย นายกฯ กล่าวว่า จริงๆแล้วเศรษฐกิจทั่วโลกมันก็ลำบากค่อนข้างฝืดเคืองพร้อมๆ กัน ก็เป็นสิ่งที่เราต้องค่อยๆจัดการด้วยความรอบคอบและต้องมีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ถามว่าหนักใจหรือไม่ทีมทุกคนกำลังทำงานอยู่ไม่ได้ทิ้งไปไหน เรายังอัพเดตและยังมีคนที่อยู่นอกครม. รวมถึงนักวิชาการต่างๆ ที่เราปรึกษากันอยู่หลายๆทาง ซึ่งมีความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน เพราะฉะนั้นคิดว่าเราทำดีที่สุดในสถานการณ์นี้
เมื่อถามว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศจะเป็นไปตามเป้าหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็ยังหวังว่ายังเป็นไปตามเป้าอยู่ นายพิชัย จะได้แถลงรายละเอียดต่อไป
เมื่อถามว่า การร่วมมือกันของกลุ่มประเทศอาเซียนในการเจรจามีความคืบหน้าอย่างไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีการพูดคุยกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และมีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการอีกเล็กน้อย ในเรื่องการร่วมมือ และการที่ตนจะเดินทางเยือนกัมพูชาวันที่ 23-24 เม.ย.นี้จะมีการพูดคุยกันด้วย เดี๋ยวจะกลับมาอัพเดต
เมื่อถามว่าผลจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลให้รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมอยู่ เดี๋ยวเรารอดูว่าในส่วนที่เราจะปรับปรุงได้เราจะทำได้แค่ไหนบ้าง แน่นอนว่าเราต้องดูในเรื่องของผู้ประกอบการและเกษตรกรของเราด้วยว่าที่ส่งออกไปเป็นอย่างไรบ้าง และการนำเข้าสินค้าจำเป็นของสหรัฐอเมริกาจะสามารถเพิ่มขึ้นได้หรือไม่เพื่อที่จะให้เกิดวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย เราก็ทำเรื่องพวกนี้อยู่และพยายามรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่าการบาลานซ์ของไทยกับประเทศมหาอำนาจซึ่งจีนออกมาเตือนว่าหากประเทศใดยอมให้กับสหรัฐฯมากเกินไปจนกระทบการค้าขายกับจีน ก็อาจจะโดนมาตรการตอบโต้ด้วยเช่นกัน นายกฯ กล่าวว่า เราพูดตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าการเจรจาของเรากับสหรัฐอเมริกาถึงแม้เราจะเป็นประเทศเล็กๆ ก็ตามแต่เราต้องเจรจาให้เหมือนกับว่าให้ประโยชน์เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย เราไม่ได้เจรจาเหมือนกับว่าเราเป็นประเทศเล็กมากต้องยอมทุกอย่าง มันไม่ได้อยู่แล้ว ทุกๆประเทศมีความสำคัญเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการเข้าไปคุยต้องมีกระบวนการคิดที่เข้าไปคุยว่าเราพร้อมจะให้เขา เขาพร้อมจะให้เรา เสนอซึ่งกันและกันแบบนี้ ตนก็ได้คุยกับทีมไป การที่ไปคุยไม่ใช่เทหมดหน้าตัก เพราะผู้ประกอบการกับเกษตรกรที่มีความสัมพันธ์กับจีนก็มีมากเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสองประเทศมหาอำนาจเราก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้นต่อไป เพราะฉะนั้นทั้งสองประเทศเราต้องบาลานซ์ให้ดี
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการทำเรื่องขอออกนอกประเทศเพื่อไปพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ยัง แต่มีการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการอยู่เรื่อยๆกับทีมทำงาน ไม่ใช่กับตัวประธานาธิบดี เมื่อถามอีกว่าพอจะทราบไทม์ไลน์การนัดหมายครั้งต่อไปของสหรัฐฯหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวให้นายพิชัย แถลงอีกที เพราะตนไม่ได้เป็นคนคุยหน้างาน
Advertisement