นายกฯ เวียดนามย้ำทีมเศรษฐกิจ เจรจาสหรัฐฯ ห้ามกระทบประเทศอื่น
นายกรัฐมนตรีเวียดนามย้ำคณะเจรจาเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านสำหรับการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ โดยกำชับให้หลีกเลี่ยงการทำข้อตกลงใดๆ ที่ผลกระทบต่อประเทศอื่น พร้อมย้ำว่า เวียดนามจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในวันนี้ (22 เม.ย.) นายฟาม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ระบุระหว่างการประชุมที่กรุงฮานอยว่า การเจรจาต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของเวียดนาม และต้องไม่ส่งผลเสียต่อประเทศคู่ค้าหรือภูมิภาคอื่นๆ
คำสั่งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ จีนได้ส่งสัญญาณเตือนประเทศต่างๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ในลักษณะที่กระทบต่อผลประโยชน์ของจีน มิเช่นนั้นจะต้องเจอมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง
เวียดนามออกคำสั่งคุมเข้มสินค้าจีนสวมรอย “Made In Vietnam”
ทั้งนี้ ในวันนี้ยังมีรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์เวียดนามได้ออกคำสั่งให้ดำเนินมาตรการควบคุมการถ่ายโอนสินค้าผิดกฎหมายไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าอื่นๆ อย่างเข้มงวดแล้ว โดยเฉพาะในกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าจีนส่งออกสินค้ามายังเวียดนามเพื่อเปลี่ยนฉลากแหล่งกำเนิด ก่อนจะส่งไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีในฐานะสินค้าจีน
คำสั่งดังกล่าวลงวันที่ 15 เมษายน และมีผลบังคับใช้ทันที โดยระบุว่า ความตึงเครียดทางการค้าจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจกระตุ้นให้เกิดการทุจริตทางการค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง อาจทำให้เวียดนามตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกประเทศต่างๆ ใช้มาตรการลงโทษต่อสินค้านำเข้าได้ง่ายขึ้น
แม้คำสั่งจะไม่ได้กล่าวถึงประเทศต้นทางของการถ่ายโอนสินค้าอย่างชัดเจน แต่ข้อมูลจากการค้าระหว่างประเทศระบุว่า เวียดนามนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นเกือบ 40% ของการนำเข้าทั้งหมด และสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลว่า จีนอาจใช้เวียดนามเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าเพื่อหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ด้วยการเปลี่ยนแปลงใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า
ที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามในอัตราตอบโต้ 46% โดยมาตรการดังกล่าวถูกระงับชั่วคราวจนถึงเดือนกรกฎาคม แต่หากมีการบังคับใช้จริงอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโมเดลเศรษฐกิจเวียดนามที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และการลงทุนจากผู้ผลิตต่างชาติ
ในคำสั่งนี้ กระทรวงพาณิชย์เวียดนามได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรมศุลกากร เพิ่มการตรวจสอบและกำกับดูแลสินค้านำเข้า โดยเฉพาะวัตถุดิบนำเข้าที่ใช้ในกระบวนการผลิตและส่งออก เพื่อป้องกันการแอบอ้างแหล่งกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงาน และควบคุมการออกฉลาก “ผลิตในเวียดนาม” อย่างใกล้ชิด สำหรับบริษัทที่มีจำนวนคำขอออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังเปิดเผยผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคารว่า นายกรัฐมนตรีฟาม มิงห์ จิ๋งห์ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งปราบปรามการทุจริตทางการค้า การปลอมแปลงสินค้า และปัญหาอื่นๆ ที่เป็นความกังวลของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเวียดนามกำลังเตรียมเข้าสู่กระบวนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ในเร็ว ๆ นี้
เดินเกมสมดุลระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ท่ามกลางแรงกดดันภาษี
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจิ๋งห์ได้กล่าวถึง “สายสัมพันธ์พิเศษ” ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เวียดนามให้การต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือทางเศรษฐกิจกว่า 45 ฉบับ โดยแสดงจุดยืนอย่างระมัดระวังต่อถ้อยแถลงของผู้นำจีนที่เรียกร้องให้ต่อต้าน “การใช้อำนาจฝ่ายเดียว” ของสหรัฐฯ อย่างระมัดระวัง แสดงให้เห็นถึงการดำเนินนโยบายการทูตแบบสมดุลระหว่างสองมหาอำนาจ
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่าพร้อมเปิดเจรจาภาษี โดยทั้งสองฝ่ายประกาศเริ่มต้นกระบวนการเจรจาไม่นานหลังจากทรัมป์ประกาศชะลอการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน และลดอัตราภาษีชั่วคราวลงเหลือ 10% ขณะนั้น เวียดนามกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากอัตราภาษีที่อาจพุ่งสูงถึง 46% สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เวียดนามได้ประกาศความตั้งใจที่จะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และได้เร่งรัดมาตรการป้องกันการฉ้อโกงเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อกังวลสำคัญของรัฐบาลทรัมป์ที่เกรงว่าสินค้าจากจีนอาจถูกส่งผ่านเวียดนามเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
นายกรัฐมนตรีจิ๋งห์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าเวียดนามไม่ได้แข่งขันโดยตรงกับสินค้าอเมริกัน และการค้าระหว่างสองประเทศก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนการเติบโตของภาคการส่งออกของเวียดนาม โดยยืนยันว่าเวียดนามพร้อมเปิดเจรจาโดยอิงตามข้อเสนอของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ หอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามยังได้มีการส่งจดหมายไปยังหน่วยงานสำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ หอการค้าสหรัฐฯ และสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อขอความร่วมมือในการผลักดันให้มีการชะลอการจัดเก็บภาษีต่อเวียดนาม ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของหอการค้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
