รู้จัก "หม่อง ชิตตู่" นายทหารผู้กลับกลอก เบื้องหลังตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมระดับโลกที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
สถานการณ์เรื่องราวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกสังคมให้ความสนใจอีกครั้ง หลัง รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ภาพออกหมายจับ หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF/KNA คือผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมระดับโลกที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จี้รัฐบาลไทยปราบตัวการใหญ่อย่าง หม่อง ชิตตู่ โดยระบุว่า
"ผมขอย้ำเตือนว่ารัฐบาลต้องทำมากกว่าที่เป็นอยู่ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิเช่นนั้นมันจะไม่จบ วันนี้ผมขอเสนอให้รัฐบาลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ผมเคยได้เขียนไปแล้วว่าบริษัท SMTY เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดอย่างไร ซึ่งความน่าสนใจก็คือไม่มีการขยายผลคดียาเสพติดดังกล่าวกับบริษัทนี้เลย
นอกจากนั้นเรายังเรียนรู้ว่ากองกำลัง BGF ที่นำโดยหม่องชิตตู ที่เป็นผู้ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่า และร่วมลงทุนในชเวก๊กโก ได้ก่อกรรมทำเข็นกับพี่น้องประชาชนชาวไทยและคนทั่วโลกอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะการหลอกลวงเอาเงินทองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำให้คนกลายเป็นทาสและเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีการดำเนินคดีอย่างจริงจังกับหม่องชิตตู แม้การกระทำหลายอย่างของหม่องชิตตู จะเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร แต่ผลกระทบหลายประการล้วนเกิดขึ้นในประเทศของเรา การดำเนินคดีกับหม่องชิตตู ในฐานะหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่รัฐบาลควรดำเนินการ
นอกจากนี้ผมยังทราบจากแหล่งข่าวของผมด้วยว่า หม่องชิตตู ได้กุมความลับหลายอย่างของเจ้าหน้าที่รัฐในฝั่งประเทศไทย เนื่องจากมีการส่งส่วยจำนวนมากให้ฝั่งไทยด้วย ผมทราบมาว่าหากมีการจับชิตตู่ เขาจะแฉให้หมดว่าใครเกี่ยวข้องกับใครบ้าง นี่จึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่สิอาจจะหลาย 10 ตัวหรือหลาย 100 ตัว เราจะปราบทุนสีเทา รวมถึงทุนไทยเทาได้ด้วย หวังว่ารัฐบาลจะรีบดำเนินการ"
หม่อง ชิตู คือใคร?
พันเอกหม่อง ชิตู่ หรือพันเอกซอว์ ชิต ตู่ (Saw Chit Thu) ผู้นำคนปัจจุบันของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งดูแลพื้นที่ฝั่งเมียนมาที่มีทั้งทุนจีนสีเทาและบ่อนกาสิโน่ ในพื้นที่ จ.เมียวดี ชายชาติทหารที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นจอมทรยศ หักหลัง ไร้อุดมการณ์ หลังพลิกขั้วไปมาในระหว่างเกิดศึกกับกองทัพพม่า
หม่อง ชิตู เป็นอดีตหัวหน้ากองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ก่อนจะแยกตัวออกจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กลุ่มที่สู้รับกับทหารเมียนมามาโดยตลอด ก่อนที่ในปี 2553 เขาจะผันตัวไปเข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของทหารพม่า (BGF) มีสายสัมพันธ์อันดีซึ่งกันและกันกับกองทัพเมียนมาเรื่อยมา
จนกระทั่งมกราคม 2567 หม่อง ชิตตู่ ประกาศตัดความสัมพันธ์กับกองทัพเมียนมา ไม่รับเงินเดือนและสวัสดิการใดๆ ที่กองทัพเคยให้ ประกาศวางตัวเป็นกลางและเปลี่ยนชื่อกองกำลังมาเป็นกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA)หลังเล็งเห็นความเสี่ยงต่อความพ่ายแพ้ของกองทัพพม่า ก่อนจะกลับลำไปช่วยกองทัพพม่าอีกครั้งในเดือนเมษายน และยังเป็นคนที่กุมชะตาเมืองเมียวดี แหล่งสร้างเงินจากเรื่องเทาๆ และมีความเกี่ยวข้องกับชเวโก๊กโก่ และ KKPark เมืองศูนย์รวมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนัน ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีนสีเทา จนกลายเป็นแหล่งสแกมเมอร์ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนกาสิโน่ และขุมพนัน
ก่อนจะมีเรื่องของ “ซิงซิง” นักแสดงชาวจีนที่หายตัวที่ชายแดนไทย-เมียนมา ถูกหลอกไปทำงานโดยอ้างค่ายบันเทิงไทยชื่อดัง กลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทยมากขึ้น เบิกเนตรสายตาชาวโลกว่านายทหารคนดังเบื้องหลังคือหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวงเหยื่อจากประเทศต่างๆ ให้ข้ามไปทำงานแล้วบังคับขู่เข็ญทรมานให้ยอมทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากไม่ทำก็จะถูกซ้อมทรมานแทบปางตาย
เรื่องนี้ประเทศใหญ่อย่างจีนอาจจะไม่ขยับ หากไม่มีเคสคนดังอย่างซิงซิงเกิดขึ้น ก่อนจะส่งผู้แทนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มาหารือกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย เพื่อพูดคุยแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ซึ่ง รังสิมันต์ โรม เคยออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับหม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF/KNA ว่านายพลคนนี้ถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะอังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส หรือ EU เนื่องจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญคือเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญของ เสอจื้อเจียง เจ้าของชเวก๊กโกซึ่งถูกจับในประเทศไทย
ที่ผ่านมากองกำลัง BGF พยายามปฏิเสธความเกี่ยวข้องคนตนเองกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด แต่จะปฏิเสธได้อย่างไรในเมื่อหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ากองกำลัง BGF เป็นผู้ให้เช่าต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายทั่วโลกมากมายมหาศาล และการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นก็ได้ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างรุนแรง
แม้ว่ากองกำลัง BGF จะออกมาให้ข่าวเป็นระยะว่าจะดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ในทางปฏิบัติเรากลับพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยพวกนี้ได้ใช้ทรัพยากรหลายอย่างของประเทศไทย กองกำลัง BGF ได้ใช้ประชาชนของตัวเองเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกันก็สร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองบนความเสียหายของหลายๆ ครอบครัวทั่วโลก นี่คือความเลวร้ายอย่างถึงที่สุดของกองกำลัง BGF
ภายหลังมีการเปิดโปงหลายภาคส่วน รัฐบาลไทยก็ได้ใช้มาตรการเด็ดขาด ประกาศตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ในพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมา เพื่อสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบหลายพื้นที่
ล่าสุดรายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่าพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะนำหลักฐานคดีค้ามนุษย์ เข้าพบพนักงานอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์ เพื่อหารือในประเด็นข้อกฎหมายในการออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลัง BGF หรือผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง กองกำลังสำคัญที่ปกครองเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ตามที่ปรากฎหลักฐานภายหลังการช่วยเหลือเหยื่อคดีค้ามนุษย์ ชาวอินเดีย ซึ่งถูกนำตัวไปบังคับทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์
เบื้องต้นมีรายงานด้วยว่า ผู้นำกองกำลัง BGF ที่จะมีการเสนอขอออกหมายจับ ประกอบด้วย พันเอก ซอชิตตู่ (Colonel Saw Chit Thu) หรือพันเอก หม่องชิตตู พันโท โมเต โธน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และ พันตรี ทิน วิน Tin Win (Major Tin Win ) เนื่องจากกองกำลัง BGF ที่นำโดย พันเอก หม่องชิต ตู ที่เป็นผู้ให้แก๊งคอลเซนเตอร์เช่าพื้นที่ และร่วมลงทุนในชเวก๊กโก ก่อกรรมทำเข็นกับประชาชนชาวไทย และคนทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะการหลอกลวงเอาเงินทองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำให้คนกลายเป็นทาส และเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์
Advertisement