Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ป.ป.ช.สั่งเชือด! อดีตนายอำเภอ ผิดร้ายแรง ทุจริตนำเงินไปใช้ส่วนตัว

ป.ป.ช.สั่งเชือด! อดีตนายอำเภอ ผิดร้ายแรง ทุจริตนำเงินไปใช้ส่วนตัว

11 ก.พ. 68
16:41 น.
|
440
แชร์

มติ ป.ป.ช.ตรัง สั่งเชือด อดีตนายอำเภอตรัง ผิดร้ายแรง ทุจริตนำเงินรายได้ปาล์มน้ำมันไปใช้ส่วนตัว ส่งคำวินิจฉัยให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดีอาญาต่อไป 

วันที่ 11 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง พร้อมด้วยนายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต ร่วมกันแถลงข่าวระบุว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา อดีตนายอำเภอวังวิเศษ จ.ตรังรายหนึ่งว่า ทุจริตเงินรายได้ปาล์มน้ำมันของอำเภอไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวนั้น 

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า กรมธนารักษ์ได้อนุญาตให้กรมการปกครอง ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุในพื้นที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เป็นศูนย์ราชการอำเภอวังวิเศษ ที่ว่าการอำเภอ และบ้านพักข้าราชการกรมการปกครอง โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด 154 ไร่ 1 งาน 74 ตารางวา 

ต่อมาเมื่อปี 54 นายอำเภอขณะนั้นเห็นว่าพื้นที่บริเวณด้านข้างที่ว่าการอำเภอวังวิเศษ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านพักนายอำเภอ ยาวไปจรดกับเทศบาล ต.วังวิเศษ เนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ เป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแปลงสาธิตด้านเกษตร และทำการปรับพื้นที่ปลูกต้นปาล์มน้ำมัน ประมาณ 400 ต้น โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ และก็ไม่ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าว จากนั้นเมื่อวันที่ 16 พ.ย.58 ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ ได้มาดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ 

จึงได้เข้ามาดูแลบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษดังกล่าว โดยมีอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอวังวิเศษ (อส.) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน้าห้องของนายอำเภอรายนี้ เป็นผู้ดูแลจัดการให้ และเมื่อได้รับเงินจากการขายผลปาล์มน้ำมันแล้ว จะนำเงินมามอบให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา 

โดยในเริ่มแรกตั้งแต่เดือน พ.ย. 2558 จนถึงประมาณกลางปี 2560 โดยได้มีการเก็บผลปาล์มน้ำมัน เฉลี่ย 15 – 20 วันต่อครั้ง มีรายได้เป็นเงินประมาณ 6,000 –  10,000 บาทต่อครั้ง เมื่อคำนวณเงินรายได้จากการขายผลปาล์มน้ำมันในช่วงเวลาประมาณ 2 ปี จะมีรายได้เงินประมาณ 200,000 – 300,000 บาท ซึ่งปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหา ได้ชี้แจงว่าได้นำเงินรายได้ดังกล่าว ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลสวนปาล์มน้ำมัน เช่น ค่าซื้อปุ๋ยบำรุงต้นปาล์ม จำนวน 39,000 บาท ค่าคนงานใส่ปุ๋ย จำนวน 1,500 บาท ค่าคนงานตัดหญ้า/ตัดทางปาล์ม จำนวน 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 55,500 และนำไปเป็นค่าใช้จ่ายจัดกิจกรรมต่างๆ ของอำเภอเป็นเงินจำนวน 70,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 125,500 บาท โดยยังมีเงินส่วนที่เหลืออีก เป็นเงินประมาณ 74,500 - 174,500 บาท ที่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่แน่ชัดว่า 

ผู้ถูกกล่าวหา ได้นำไปเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อการใดของทางอำเภอวังวิเศษหรือทางราชการ ไม่สามารถรับฟังหรือชี้แจงได้ โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้เก็บเงินรายได้ดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับร่ายจ่าย หรือมีหลักฐานการใช้จ่ายที่ทำให้สามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง 

อีกทั้งขณะที่ผู้ถูกกล่าวหา ดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษในขณะนั้นก็ได้มีหนังสือลงวันที่ 14 ธ.ค. 2558 แจ้งให้อำเภอวังวิเศษ ทำการตรวจสอบว่ามีการนำที่ราชพัสดุไปจัดหาประโยชน์ถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตหรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ หรือนำไปใช้นอกเหนืออำนาจหน้าที่ หรือนำที่ราชพัสดุไปใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในราชการ ไปจัดหาประโยชน์โดยไม่ถูกต้อง ซึ่งหากใช้ที่ราชพัสดุไม่ถูกต้องให้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ แต่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ดำเนินการตามหนังสือที่ได้สั่งการไปแต่อย่างใด 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล การกระทำของ อดีตนายอำเภอวังวิเศษ ในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 และในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) มาตรา 83 (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4)  และสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ โดยไม่ต้องแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนอีก และพิจารณาโทษภายใน 30 วัน 

โดยปัจจุบันนี้ อดีตนายอำเภอคนดังกล่าวยังคงดำรงตำแหน่งทางราชการในตำแหน่ง จ.สงขลา อย่างไรก็ตามการไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Advertisement

แชร์
ป.ป.ช.สั่งเชือด! อดีตนายอำเภอ ผิดร้ายแรง ทุจริตนำเงินไปใช้ส่วนตัว