วันที่ 14 ก.พ. 68 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวย้ำจุดยืนว่า ไม่ร่วมแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญตามที่พรรคได้แถลงไปก่อนหน้านี้ แต่สส.ทุกคนยังมาร่วมลงชื่อประชุมสภา แต่เมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม
ส่วนกรณที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเจ้าของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับลงมติสนับสนุนญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ตนไม่ขอก้าวล่วงพรรคการเมือง แต่ขอมองแค่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย ทุกพรรคมีสิทธิ์จะตีความหรือมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกัน ส่วนก่อนหน้านี้ สส.ของพรรคเพื่อไทยออกมากดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่เคยมีการกดดันพรรคภูมิใจไทย ส่วนคำพูดที่ออกมาเป็นเพียงคำพูดของสส. ซึ่งในทางปฏิบัติในการเป้นพรรคร่วมรัฐบาล การพูดคุยกันต้องเป็นระดับหัวหน้าพรรค หรือเต็มก็เลขาธิการพรรค นอกเหนือจากนี้ไม่ต้องนำมาเป็นสาระอะไร ถ้าไปฟังก็เปลืองพื้นที่สมอง ซึ่งไม่มีความจำเป็น ตนพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไม่เห็นมีอะไรเหมือนกับที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พูดเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครพูดมีน้ำหนัก ใครพูดแล้วไม่ต้องไปฟัง
เมื่อถามว่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยเรียกพรรคร่วมรัฐบาลหารือร่วมกัน แต่ไม่ได้เชิญพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่รู้เลยว่ามีการเชิญ แต่ตรงนี้เป็นเรื่องของสภา เมื่อพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าประชุมในวาระการพิจารณาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรที่จะเชิญหรือไม่เชิญ ผู้สื่อข่าวชอบเอาเรื่องมารวมกัน สภาเป็นเรื่องของสภา รัฐบาลก็เป็นเรื่องของรัฐบาล การแก้ไขกฎหมายเป็นเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเสนอร่างเข้ามา ไม่ได้ผ่านคณะรัฐมนตรีเข้ามา ไม่มีการหารือกันมาก่อนภายในพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า หากสภาล่มซ้ำทางออกของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นอำนาจของประธานรัฐสภาที่จะวินิจฉัย พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถให้ความคิดเห็นที่อยู่นอกการควบคุมของพรรคได้ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือ การตรากฎหมายใดๆ เมื่อมีการเสนอร่างและรับหลักการเรียบร้อยแล้วจะต้องนำเข้ากรรมาธิการเพื่อแปลญัตติ ซึ่งในชั้นนี้พรรคการเมืองใดมีความเชื่อแบบไหนก็ไปโหวตกันในชั้นนี้ก่อนเข้าสู่วาระ3 อย่างไรก็ตามหากร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ต้องรอผลของศาล เพราะพรรคภูมิใจไทยเชื่อว่าการเพิ่มหมวด 15/1 เป็นการแก้ไขทั้งฉบับซึ่งจะสุ่มเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากเป็นแค่การแก้ไข ม.256 ไม่ใช่การแก้ไขทั้งฉบับพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมลงมติรับหลักการแล้วไปว่ากันในชั้นกรรมาธิการ เพราะเราก็มีทั้งเรื่องที่ยากแก้และไม่อยากแก้เหมือนกัน
ส่วนที่พรรคประชาชนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเรียกพรรคร่วมรัฐบาลมาหาทางออกร่มกันนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า หากนายกฯ เรียกให้พรรคร่วมไปชี้แจง ตนก็พร้อมหรือหากนายกฯเห็นว่าเรื่องนี้ต้องหารือกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หากเรียกมาเราก็ไป แต่นายกฯ คงไม่ได้ขอให้พรรคภูมิใจไทยกลับท่าทีเพราะมีการแถลงจุดยืนชัดเจนไปแล้ว เพราะเรื่องนี้ที่เสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของสส. และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งก็มีผู้เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ก็รออยู่ว่าใครจะเป็นคนยื่น
Advertisement