นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามดูแลการดำเนินการส่งกลับคนจีนกลับประเทศ พร้อมกล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชน ระบุว่าการทำข่าวนั้นเข้าพื้นที่ได้ลำบาก ว่า ปกติไม่ได้ห้าม ซึ่งดูเป็นกรณีถ้าไม่มีปัญหาก็ให้เข้าไปทำข่าว แต่กรณีนี้เรายังต้องอะไรอีกหลายเรื่อง และไม่ได้ปิดถึงขนาดว่าไม่เห็นว่าทำอะไร ต้องทำความเข้าใจว่าหลายเรื่องยังพูดไม่ได้ และเป็นความร่วมมือหลายส่วน
เมื่อวานนี้ตนได้คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าได้ขอความร่วมมือในการสั่งการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่อยากให้หนีเข้าไปในลาวเพื่อทำธุรกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก ขณะที่วันนี้ได้มีการหารือในที่ประชุมที่นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ว่าถ้าช่วยกันได้ก็ดีซึ่งนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้แถลงชัดเจนว่าจะร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องคอลเซนเตอร์
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึง เพจ ของนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคประชาชน ลงข้อมูลว่าให้จับตาว่าจะมีการซุกอุยกูร์ ในกระบวนการส่งคนกลับ อย่าทำแบบนี้เลยต้องพูดในสิ่งที่คิดว่ามีเหตุผล พูดแบบนี้ทำให้คนแตกตื่น และดูรัฐบาลไม่ค่อยดี มันยังไม่ได้เป็นแบบนั้น ตนเองไม่อยากให้ สส.พรรคประชาชน หรือหลายท่านที่ทำอยู่อย่าใช้สถานการณ์นี้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและดิสเครดิตรัฐบาล มีอะไรมาบอกถ้าเราไม่ทำค่อยมาว่า หรือมีข้อมูลอะไรที่มันชัดให้เอาหลักฐานมา ซึ่งการโพสต์ของนายรอมฎอน ดูแล้วมันเกินเลยที่บอกว่าให้จับตามองว่า มีการซุกอุยกูร์ พูดแล้วมันได้อะไร พรรคประชาชนได้คะแนนเพิ่มหรือ ตนไม่อยากตอบโต้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้น
ส่วนขั้นตอนการทำข่าวการดำเนินการส่งคนจีนกลับประเทศ ในบางส่วนเจ้าของประเทศไม่ต้องการให้ถ่าย บางครั้งเราถ่ายภาพไม่รู้ว่าคนผิดหรือคนถูก กลายเป็นเราเอาหน้าตาของคนที่ไม่เกี่ยวข้องและจะถูกตีความผิด จะกลายเป็นว่าเราละเมิดสิทธิเขา แต่ถ้าเขาไม่ได้มีปัญหา เราก็จัดการให้
นายภูมิธรรม ยืนยันการส่งคนกลับมีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ เราทำถูกกฎหมายทั้งหมด ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ถ้าผิดเรื่องนี้โดนมาตรา 199 โทษมันหนัก ไม่เอาชีวิตพวกตนมาเสี่ยงกับสิ่งเหล่านี้
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำเป็นการทำตามกระบวนการประเทศไทยเสียสละที่จะทำเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนและช่วยล็อตที่ส่งกลับมานี้ยังไม่มีคนไทยเท่าไร การดำเนินการต่างๆ เป็นการขอร้องจากประเทศต่างๆ โดยประเทศจีนมีคนเป็นจำนวนมาก ส่วนประเทศอื่นมีมากบ้างน้อยบ้าง แต่ประเทศเอธิโอเปีย มีมากกว่าใคร ซึ่งถ้าข้อมูลหลุดไปก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ถูกหลอกหรือจับไป บางกรณีให้ข้อมูลกับสถานทูตว่าถูกหลอกไป แต่จากการตรวจสอบดูภาพ ไม่ได้ถูกหลอก ว่าเมื่อถึงประเทศไทยแล้วถูกโปะยาสลบแต่จากภาพที่ปรากฏ เดินลงเครื่องบินตามปกติ และในวันที่บอกว่าถูกโปะยาสลบ แล้วถูกนำตัวไปไว้ที่ชายแดนแต่เวลาที่พูดนั้นอยู่ที่โรงแรม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เรากังวลใจ
ดังนั้น สิ่งที่เราทำเราจึงต้องรอบคอบให้มากที่สุด เพราะเกี่ยวกับผู้คนและชีวิตหลายส่วนถ้าทำไม่ดี เกิดปัญหา จะทำให้ไม่ดีกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอให้เราทำงาน เชื่อว่าวันนี้เราเดินมาถูกทางแล้ว ในประเทศอยากให้สื่อช่วยกัน เพราะนี่คือเครดิตประเทศ และเราไม่ได้จบแค่นี้ ขณะนี้กำลังตามแกะรอย แต่ถ้าไปพูดเยอะจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นลำบากขอให้จบงานนี้แล้วมาสรุป ถ้ามีปัญหาหรือผิดพลาดจุดไหน ให้จัดการได้ตามกฎหมาย ตามสบาย
นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า มั่นใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล รวมถึงตนเองที่รับผิดชอบพยายามทำดีที่สุด ให้เกิดประโยชน์หลายเรื่อง ไม่ใช่ว่าจะทำได้ตามใจ เช่น ให้ปิดชายแดนไม่ให้มีการส่งสินค้า แต่ต้องคำนึงถึงประชาชนที่บริสุทธิ์ด้วย แต่การกดดันเบื้องต้นเพราะต้องการให้รัฐบาลเมียนมาหรือชนกลุ่มน้อย ที่อยู่ตรงนั้นให้ได้รับรู้ว่า ประชาชนไทยก็เดือดร้อน ยืนยัน ไทยทำตามมาตรการส่วนจะมากน้อย จะทำเท่าที่ทำได้
Advertisement