ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สั่งปลดพลเอกชาร์ลส์ บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมเมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) และเสนอชื่อพลโทแดน เคน นายทหารอากาศเกษียณอายุเข้าดำรงตำแหน่งแทน
"ผมขอขอบคุณพลเอกชาร์ลส์ บราวน์สำหรับการรับใช้ประเทศของเรามานานกว่า 40 ปี รวมถึงในฐานะประธานคณะเสนาธิการร่วมคนปัจจุบัน เขาเป็นสุภาพบุรุษและผู้นำที่ยอดเยี่ยม และผมขออวยพรให้เขาและครอบครัวมีอนาคตที่ดี" ทรัมป์ระบุในโพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล
ขณะที่นายทรัมป์ไม่ได้ให้เหตุผลในการปลดบราวน์ที่ชัดเจน มีเพียงคำชื่นชมถึงคนที่จะมาทำหน้าที่คนใหม่ว่า นายเคนเป็นนักบินที่มีความสามารถ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ และเป็นนักรบที่มีประสบการณ์อย่างมากด้านปฏิบัติการพิเศษและการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ทรัมป์กล่าวว่า ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก เคนมีบทบาทสำคัญในการทำลายกองกำลังรัฐอิสลาม (ISIS) อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของประเทศ
ขณะทีสื่อหลายสำนักตั้งข้อสังเกตถึงการปลดนายพลระดับสูงครั้งนี้ว่า คำสั่งดังกล่าวดถือเป็นการปลดชายผิวสีคนที่สองออกจากตำแหน่งนายพลอาวุโสที่สุดของสหรัฐฯ และยังมีคำสั่งปลดพลเรือเอก ลิซา ฟรานเชตติ (Lisa Franchetti) จากตำแหน่างผู้บัญชาการกองทัพเรือหญิงคนแรกของประเทศ ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่รับราชการในตำแหน่งเสนาธิการร่วม ดูเหมือนจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากฝ่ายบริหารที่ขัดขวางความพยายามด้านความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกในกองทัพและรัฐบาล
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คัมแบ็กเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการ ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาตรการปลดพนักงานในหน่วยงานรัฐครั้งใหญ่ คาดว่า มีหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงกลาโหม สถาบันสุขภาพแห่งชาติ และกรมกิจการทหารผ่านศึก ที่มีแผนเลิกจ้างงานคนเกือบ 1,000 คนขึ้นไป และมีแผนจะจ้างคนออกอีกมากในอนาคต
Advertisement