วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ร้าน Wind&Wild ถ.เทพารักษ์ เขตสายไหม กรุงเทพฯ พรรคประชาชนจัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ พบสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคประชาชนในเขตสายไหม โดยมี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมกิจกรรมพบปะพูดคุย พร้อมแสดงความเห็นต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันหลายประเด็น และมี สรกล อดุลยานนท์ (หนุ่ม เมืองจันท์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในช่วงหนึ่งของวงสนทนา ณัฐพงษ์ กล่าวถึง สถานการณ์ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล โดยระบุว่า จากเหตุการณ์ในรัฐสภาแล่าสุด กรณีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ได้เห็นมุมมองอะไรใหม่ๆ ในสภาว่าการเมืองฝั่งรัฐบาลก็มีความเข้มข้น ตอนแรกจากข่าวที่ปรากฏตามหน้าสื่อก็คาดการณ์ได้ว่าญัตติแก้รัฐธรรมนูญในวาระ 1 คงจะถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน แต่เมื่อถึงการประชุมสภาวันแรก ญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญกลับถูกปัดตก รัฐบาลโหวตแพ้ เพราะ สว. บางส่วนโหวตว่าไม่ต้องให้ส่ง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก
จากบรรยากาศในสภาเห็นได้ชัดว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคตั้งใจวอล์คเอาท์ และมี สว. บางส่วนตั้งใจยังอยู่ในสภาเพื่อโหวตให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อ อีกทั้งยังมีการพูดออกหน้าสื่อขู่ว่าถ้าเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อก็อาจจะมีการยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าใครก็ตามที่ร่วมเดินหน้าไปสู่การลงมติจะเป็นการขัดต่อกฎหมาย ทำให้พรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มระแวง และเห็นได้ชัดว่า สว. กลุ่มหนึ่งที่มีความยึดโยงกับกลุ่มการเมืองหนึ่งเป็นผู้เดินเกมชัดเจน
เมื่อผู้ดำเนินรายการถาม ถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าส่วนหนึ่งของข้อมูลได้มาจากฝ่ายรัฐบาลด้วยหรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า ยอมรับตามความเป็นจริงว่าข้อมูลหลายส่วนได้รับมาจากฝั่งบริหาร หรือจากกลุ่มก้อนทางการเมืองจากฝั่งรัฐบาลก็มีบ้าง แต่ทั้งนี้ในเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลตนอยากให้มองภาพใหญ่มากกว่า จากความขัดแย้งครั้งนี้แน่นอนว่าฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ
แต่เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลมีรอยร้าว สิ่งที่ประชาชนเสียไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นนโยบายของรัฐบาลก็ไม่สามารถเดินหน้าได้ นิรโทษกรรมที่หลายพรรคการเมืองก็เสนอ แต่เมื่อเดินหน้าจริงก็ติดขัดไปหมด ตัวแปรสำคัญคือพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นพรรคใหญ่ที่สุดในทั้งสองสภา พอไม่เอาด้วยกระบวนการก็เดินหน้าต่อไม่ได้ สุดท้ายประชาชนเสียประโยชน์มากกว่า
ส่วนประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีทั้งเรื่องความไม่โปร่งใส ผลประโยชน์ทับซ้อน รอยร้าวในรัฐบาล ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้นโยบายหลายอย่างไม่สามารถผลักดันเดินหน้าได้ ปัญหาหลายอย่างก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยคาดว่าจะมีการยื่นญัตติภายในเดือนนี้ และน่าจะได้เข้าสภาเร็วสุดกลางเดือนมีนาคม ไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคม
ณัฐพงษ์ ยังได้ตอบคำถามเกี่ยวกับกรณี 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช. โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนว่ามีปัญหาในเชิงระบบแน่นอน ยืนยันว่าสิ่งที่ทำเป็นการใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ในมุมหนึ่งตนและเพื่อนไม่มีใครกังวลใจ เราตัดสินใจมาทำงานการเมืองครั้งแรกเพราะต้องการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบ ไม่ใช่เพื่อเข้าสู่อำนาจเป็น สส. เพื่อดำรงตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ ตนและ สส. ทุกคนรู้สึกแบบเดียวกัน
ถ้ากังวลใจแบบนั้นหลายอย่างในสภาก็อาจไม่ได้เดินหน้าต่อ เช่นรายงานศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรม ถ้าเรากังวลก็อาจจะมีการแสดงออกให้อีกกลุ่มหนึ่งเห็นว่าเราหยุดเรื่องนี้แล้ว ทุกการแสดงออกของ สส. พรรคประชาชนสะท้อนให้เห็นว่าเราเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะอะไร แต่ก็ไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นเรื่องปกติ มันคือเรื่องไม่ปกติ และพวกเราต้องช่วยกันแก้ไข
Advertisement