นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนพบมวลชนเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่าง ที่ จ.พิษณุโลก โดยกล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาจ่องดออกวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทย ตอบโต้ผู้เกี่ยวข้องส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ว่า เรื่องนี้เกิดจากสหรัฐฯ ไม่มีข้อมูลที่อัพเดท แต่ต้องยอมรับจุดยืนของสหรัฐฯ ในการรักษาสิทธิมนุษยชน วันนี้เราอธิบายให้เขาฟังเยอะแล้ว และคนเหล่านี้ถูกละเมิดสิทธิ์มากว่า 10 ปี แค่เข้ามาผิดกฎหมาย เราขังไว้ 11 ปีมันไม่ถูก และไม่มีใครอยากเห็นเขาถูกขังต่ออีกทั้งไม่มีประเทศใดขอรับตัวไป
"แม้กระทั่งสหรัฐฯ และยุโรปก็ไม่ได้ขอตัว เมื่อไม่ขอรับเขา เราก็ต้องดูว่าประเทศต้นกำเนิดเขาคือจีน และเขามีบัตรประชาชนชัดเจน จีนก็รับรองว่าคนเหล่านี้กลับไปไม่ถูกดำเนินคดี เนื่องจากถูกลงโทษเยอะไปแล้ว ในช่วงเวลา 11 ปี เขาจึงควรได้กลับไปอยู่กับครอบครัว และกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงผู้ใหญ่มีการพบพูดคุยกัน เพื่อยืนยันความตั้งใจ"
นายทักษิณ ยังบอกด้วยว่า จริงๆ หลักของ สหประชาชาติ หรือ UN ต้องส่งกลับไปในที่ที่จะถูกทรมาน หรือ ฆ่า ซึ่งตรงนี้มีการการันตีชัดเจนว่ากลับไปอยู่กับครอบครัว ไม่ผิดกฎ UN และกฎหมายนานาชาติ รวมถึงไม่ผิดกฎหมายไทยแล้วทำไมจึงจะไม่ส่งเขากลับไปมีชีวิตที่ดีขึ้น ดีกว่าขังไว้ 11 ปี
ส่วนที่บอกว่าสหรัฐฯ ยังไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน จะทำอย่างไรเพื่อให้สหรัฐฯ เข้าใจนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเขาเข้าใจ แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขาเราต้องเข้าใจการเมืองระหว่างประเทศ อย่าไปตกใจมาก บางทีพวกเราก็ไปมองทุกอย่างให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีอะไรครับ"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะใช้ช่องทางทูต ในการเจรจาใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน เรามีการพูดคุยกัน ให้สังเกตดูสภายุโรป ออกมาประณามเรา แต่ทางฝ่ายบริหารก็มีการเจรจา FTA ต่อไป ไม่มีอะไรเขาแยกส่วน
"การเมืองระหว่างประเทศ บางทีในประเทศเราไม่เข้าใจ ไม่มีอะไรที่น่าตกใจ ถ้าผมไม่ตกใจ อย่าตกใจตามผม"
เมื่อถามต่อว่า แม้จะบอกว่าไม่กระทบ แต่ก็มีการมองว่าอาจมีการระงับวีซ่านายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีของไทย นายทักษิณ กล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก nothing is permanent ไม่มีอะไรจีรังถาวร ถ้าไม่เข้าใจก็อธิบายให้เข้าใจ ถ้ายกเลิกก็ไม่มีอะไร"
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าไม่มีอะไร เพราะท่านให้ดูจากตัวท่าน ก็แสดงว่ากรณีนี้จะไม่มีจริงๆ ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวย้ำคำเดิมว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่เราทำถูกต้อง อย่าไปวิตก ปฏิกิริยาอาจเกิดขึ้นกับข้อมูลที่ไม่อัพเดท เช่น สมัยที่ตนเป็น รมว.ต่างประเทศใหม่ๆ ทางออสเตรเลียออกมาประณามไทย ตนก็บอกว่าเขาไม่อัพเดท พอไปเจอที่ประชุมเอเปก เขาก็ยอมรับเองว่าข้อมูลเขาไม่อัพเดท ในที่สุดเขาก็ยอมถอย
ส่วนการพูดคุยกับสหรัฐฯ จะต้องเดินทางไปเจอ หรือต้องรอการประชุมสหประชาชาติ ในเดือนกันยายน นายทักษิณ บอกว่า ไม่มีปัญหา มีหลายระดับในการพูดคุยกัน ทุกฝ่ายทำหน้าที่อยู่แล้ว รวมถึงกระทรวงต่างประเทศ ไม่ต้องกังวล เราทำหน้าที่เรารู้ บางครั้งมีโปรโตคอล (กระบวนการ) ว่าควรพูดแค่ไหน หรือไม่ควรพูดแค่ไหน บางครั้งเราเอาการบริโภคข่าวในประเทศไปโปร มันไม่ได้ประโยชน์อะไร พร้อมกันนี้ เชื่อว่านายกรัฐมนตรี รู้วิธีแก้ปัญหา เพราะ รมว.ต่างประเทศ ไปอยู่กับนายกรัฐมนตรีตลอด
Advertisement