“อนุสรณ์” ขอเติมน้ำปลาให้ฝ่ายค้านด่วน หลังอภิปรายจืดชืด มีแต่วาทกรรม
"อนุสรณ์" ขอเติมน้ำปลาให้ฝ่ายค้านด่วน หลังอภิปรายจืดชืด ชี้ มีแต่วาทกรรมไม่มีเนื้อหา ยัน "กี้กี้" ป่วนสภาฯ ไม่มี สส.เพื่อไทย เข้าร่วม มั่นใจคะแนนหนุน นายกฯ มาแน่น
ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันที่สอง ถึงการบริหารเวลาของฝ่ายรัฐบาลได้มีการปรับรูปแบบอะไรหรือไม่ ว่า อยากจะขอน้ำปลาให้ฝ่ายค้านด่วน เพราะเมื่อวานที่ผ่านมา ฝ่ายค้านบอกจะมียุทธการโรยเกลือ แต่มองแล้วเกลือน่าจะไม่พอและหากนำมาเพิ่มวันนี้ก็ไม่น่าจะทัน เพราะเป็นการอภิปรายที่จืดชืดมาก ซึ่งไม่ใช่การประเมินจากตนแต่เป็นการสะท้อนจากสื่อมวลชนหลายสำนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมยกตัวอย่างว่าหากย้อนกลับไปการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในยุคของพรรคประชาธิปัตย์ มีข้อมูลที่หนักแน่นและเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า แต่เมื่อวานนี้ต้องใช้คำว่าเสียเวลาสภาไปหลายจุด
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าการขอเวลาอภิปราย 5 วัน ฝ่ายค้านจะนำอะไรมาอภิปรายนั้น คงจะจืดชืดยิ่งกว่านี้ ดังนั้นเวลาในการอภิปรายไม่ต้องใช้เยอะ ถ้าเก่งขอเนื้อๆ เน้นๆ ไม่ต้องมีวาทกรรมเยอะ
สำหรับที่สื่อมวลชนถามว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการปรับแผนอะไรหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่าเราคงไม่ต้องปรับ เพราะ หากดูจากสถิติเมื่อวานจะเห็นว่าองครักษ์พิทักษ์การประชุมใช้เวลาน้อยกว่าการประท้วงของฝ่ายค้าน
ส่วนที่มีคนมองว่าช่วงเวลาที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะประธานในที่ประชุมลุกขึ้น เพื่อให้ผู้ประท้วงนั่งลง และมีการนำเสนอในลักษณะว่าเกิดความวุ่นวายในห้องประชุม ตนขอยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะ สส. ที่ลุกขึ้นยืนและไปยืนอยู่หน้าบัลลังก์ และจ้องหน้าประธานคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทย เพราะไม่มีใครมีพฤติกรรมเช่นนั้น เนื่องจากคำวินิจฉัยของประธานถือเป็นที่สิ้นสุด และการลุกขึ้นยืนเป็นองครักษ์พิทักษ์การประชุมของ สส.พรรคเพื่อไทยนั้น ก็ลุกขึ้นในกรณีที่ผิดข้อบังคับจริงๆ ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือเราก็คงไม่มีประท้วงอะไร หากไม่มีการผิดข้อบังคับอีก เพราะเรามั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะสามารถตอบได้ทุกคำถาม
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ในที่ประชุมมีคำว่า "กี้กี้" ที่ดูแล้วจะดังกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ว่า ก็อย่างที่ตนบอกการอภิปรายจืดจนต้องร้องขอน้ำปลา แต่ฝ่ายค้านดันไปใส่พริก ซึ่งไม่สมเหตุสมผล เพราะการไปกล่าวหานายกรัฐมนตรีว่าหนีภาษีหรือเลี่ยงภาษีแล้วจินตนาการทำธุรกิจไปถึงการทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นการใส่ร้ายโดยใส่จินตนาการอย่างแน่นอน อีกทั้งการอภิปรายยังวนเวียนซ้ำซาก และเมื่อโดนจี้หนักเข้าก็ไปไม่เป็น แต่คำว่า "กี้กี้" เป็นความพยายามในการฉวยจังหวะและโอกาส ใส่ร้ายและด้อยค่าผู้อื่น และ "กี้กี้" ที่อธิบายกันออกมาว่าคือลูกสมุนของปีศาจ อยากรู้ว่าใครคือลูกลูกสมุน
ส่วนกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มองคำว่า “กีกี้” เป็นคำที่หยาบโลน นายอนุสรณ์กล่าวว่า ขอให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะเมื่อนำไปค้นหาใน Google อาจมีโอกาสเจอคำที่ไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดความสงสัยได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมองว่าผู้อภิปรายมีทัศนะคติ วิธีการและวิธีคิดไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้คนสงสัยได้
เมื่อถามว่า การชี้แจงต่อรัฐสภาในวันนี้ของนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วยและสามารถชี้แจงเองได้ใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เมื่อวานก็ไม่ได้มีใครช่วย แต่การบริหารราชการแผ่นดินตามระบบราชการมีการทำงานเป็นทีม และมีกระบวนการมีส่วนร่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้รับผิดชอบในการมอบหมายสั่งการตรวจสอบ และประเมินผลจึงไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง
ส่วนการลงมตินายกรัฐมนตรีจะได้รับความไว้วางใจหรือไม่ อนุสรณ์ ระบุว่า จากการฟังความคิดเห็นจากหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคจากผู้ที่มีประสบการณ์ เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลจะมาครบมาเต็มมาแน่นแน่นอนแต่จะมีเพิ่มหรือไม่ ต้องรอดู
Advertisement
