การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายเพียงคนเดียว นั่นคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บรรยากาศวันแรก (24 มี.ค. 68) มีความวุ่นวานเป็นบางช่วง เนื่องจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นผู้ปลุกวาทกรรม "กีกี้-กี้กี้" ขณะอภิปราย จนทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ และขณะเดียวกันในห้องประชุมสภาฯ เอง ก็ได้มีการเอ่ยวลีนี้เป็นระยะ ๆ
บรรยากาศช่วงค่ำ ระหว่างการอภิปรายเรื่องส่งกลับชาวอุยกูร์ ของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ช่วงหนึ่งนั้น นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.พรรคประชาชน ลุกขึ้นทักท้วงการตอบคำถามของนายภูมิธรรม ใช้คำเสียดสี ซึ่งประธานฯ ก็ได้มีวินิจฉัยห้ามศึก จนท้ายที่สุดนายภูมิธรรม อภิปรายว่าน้อมรับจะพยายามพูดอย่างดี เพราะตนเองก็ไม่เคยใช้คำว่า "กีกี้" แทนสตรี ซึ่งดูแล้วหยาบคาย หยาบโลน สกปรก
จากนั้น บรรยกาศในห้องประชุมสภาฯ ครุกรุ่น ประท้วงกันวุ่นวายหลายนาที ด้วยชนวนเหตุของวดลีเด็ด "กีกี้" เพราะฝ่ายค้านมองว่านายภูมิธรรม แปลความหมายผิด จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดไปด้วย ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้วินิจฉัยว่า แล้วแต่บุคคลจะตีความหมาย เพราะอาจตีความไม่เหมือนกัน สุดท้ายให้ประชาชนตัดสิน จนเกิดการประท้วงว่าประธานทำตัวไม่เป็นกลาง และขอให้ประธานวิปฝ่ายค้านอธิบายความหมายของวลีนี้ให้จบ จนประธานต้องปิดไมค์ทั้งห้องประชุม เป็นช่วงเวลาที่สมาชิกตะโกนเสียงดังไปมา จากนั้นประธานสั่งให้สมาชิกนั่งลงถึง 4 ครั้ง ก่อนที่ประธานตัดสินใจลุกขึ้นยืนเหนือบังลังก์ ทำให้สมาชิกต้องนั่งลง สงบปากสงบคำ ตามข้อบังคับ
ย้อนดู ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 53 กำหนดว่า "ถ้าประธานให้สัญญาณด้วยการเคาะค้อนหรือยืนขึ้น ให้ผู้ที่กำลังพูด หยุดพูดและนั่งลงทันที"
ส่วนการประชุมครั้งนี้ได้ยึดตาม ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ในข้อ 77 กำหนดว่า “ถ้าประธานให้สัญญาณด้วยการเคาะค้อนหรือยืนขึ้น ให้ผู้ที่กำลังพูด หยุดพูดและนั่งลงทันที”
เช่นเดียวกับ ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ในข้อ 36 กำหนดลักษณะเดียวกัน ว่า "ถ้าประธานของที่ประชุมให้สัญญาณด้วยการเคาะค้อน หรือยืนขึ้น ให้ผู้ที่กำลังพูดอยู่ หยุดพูดและนั่งลงทันที และให้ทุกคนนั่งฟังประธานของที่ประชุม"
สำหรับ "การยืน" และ "การเคาะค้อน" ของรัฐสภาไทย ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก สภาผู้แทนราษฎรสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ช่วงปี 2562-2566 ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนประธานต้อง "ยืนขึ้น" หรือ "เคาะค้อน" เหตุการณ์แบบนี้ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในสมัยของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ช่วงปี 2554-2556 ในครั้งนั้นนายสมศักดิ์ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้ "เคาะค้อน" เพื่อยุติความวุ่นวายใที่เกิดขึ้น จนได้ฉายา "ขุนค้อน"
ส่วนในสมัยนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ได้ "ยืนขึ้น" เพื่อยุติความวุ่นวายในการประชุมสภาฯ ญัตติด่วนเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
"การเคาะค้อน" หมายถึง การให้สัญญาณในการควบคุมการประชุมของประธานสภาฯ โดยการนำค้อนประธานที่อยู่บนบัลลังก์เคาะ เป็นวิธีการควบคุมการประชุมของประธานในที่ประชมสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา แล้วแต่กรณี การเคาะค้อนจะมีผลทำให้ผู้ที่อภิปรายต้องหยุดพูดและนั่งลงทันที ถือเป็นสัญลักษณ์แทนการใช้อำนาจในการเคาะเตือนหรือออกคำสั่งของประธานสภาฯ
Advertisement