วันที่ 10 เม.ย. ที่โรงแรมอัศวิน ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึงวาระครบรอบ 27 ปี ศาลรัฐธรรมนูญกับความคาดหวังของประชาชน ว่า ศาลรัฐธรรมนูญตั้งมา 27 ปี ย่างเข้าปีที่ 28 ในวันที่ 11 เม.ย. ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลพิเศษตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ มีระเบียบวิธีพิจารณาคดีที่ชัดเจน เชื่อว่าความคาดหวังของประชาชนมีมากขึ้น เพราะขณะนี้มีเรื่องร้องตรงมาจากประชาชนมากขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ที่ไม่เคยลดน้อยลง แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความเดือดร้อนจากการถูกละเมิดสิทธิ์ แต่ไม่ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร หรือเขียนคำร้องอย่างไร จึงหารือในตุลาการว่าจะต้องมีการปรับปรุง ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการเขียนคำร้องให้ถูกต้องตามกระบวนการ หากเรื่องใดที่ศาลรับได้ก็จะรับไว้พิจารณา แต่หากรับไม่ได้ก็จะไม่รับ
อย่างไรก็ตาม การร้องตรง บางคนเรียกว่าการร้องทุกข์ตามรัฐธรรมนูญ เรียกว่าเป็นตัวบ่งชี้ว่าประชาชนเชื่อมั่นใจศาลรัฐธรรมนูญ เช่น คำร้องเกี่ยวกับสิทธิ์เสรีภาพการยื่นฟ้องชู้ ให้สิทธิ์ ผู้หญิงและผู้ชายเท่าเทียมกันในการยื่นร้องแต่ละฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมา มีเพียงฝ่ายชายที่ยื่นฟ้องฝ่ายหญิง แต่ศาลชี้ชัดว่า การฟ้องชู้ของผู้หญิงสามารถยื่นฟ้องได้ ไม่ว่าชู้นั้นจะเป็นหญิงหรือชาย ซึ่งศาลได้แก้ไขสิทธิ์ตรงนี้ให้ใช้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน
ศ.ดร.นครินทร์ กล่าวว่า อีกมุมหนึ่งคือหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องที่มาจากองค์กรทางการเมือง เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้โดดเดี่ยว อยู่ร่วมกับสถาบันต่างๆ ทั้งครม. รัฐสภา องค์กรอิสระ การที่ยื่นเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยแก้ไขปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา เมื่อพูดถึงความรักสามัคคีไม่ใช่เฉพาะในมิติบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีมิติขององค์กร หรือสถาบันทางการเมืองต้องมีความเชื่อมโยงกัน และมีความรัก สามัคคดี มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ศาลจะพิจารณารับเรื่องที่มาจากสถาบันต่างๆ ซึ่งยื่นถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นวุฒิสภา หรือรัฐสภาก็รับอย่างที่ปรากฎให้เห็น
“แสดงให้เห็นว่าในทางหนึ่ง สถาบันข้างเคียงไม่ได้ปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ การเผชิญหน้ากันของสถาบันต่างๆ หมดไปแล้ว คาดว่าจะถึงยุคที่จะพัฒนาไปสู่ความร่วมมือระหว่างสถาบันต่างๆ” ศ.ดร.นครินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญหนักใจหรือไม่ ด้วยถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการล้มล้างรัฐบาล เช่น ล่าสุด สว.ประกาศว่าจะฟ้องจริยธรรมสภาหากรับหลักการร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ศ.ดร.นครินทร์ กล่าวว่า การที่องค์กรต่างๆ มีปัญหากันเอง และแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องหาองค์กรภายนอกเข้ามาช่วย และองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่สามารถช่วยได้ก็มีแต่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลมีหน้าที่ควบคุมความชอบด้วยกฎหมาย ให้สังเกตว่าคนพยายามยื่นเรื่อง ก็จะใช้วิธีการขู่ว่าจะยื่นศาล แต่ศาลจะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง รอบคอบว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ยื่นร้องหรือไม่ หรือศาลมีอำนาจที่จะตัดสินเรื่องนั้นหรือไม่ หากไม่ใช่ก็จะไม่ยื่นมือไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามย้ำว่า หนักใจหรือไม่ที่จะต้องตัดสินคดีทางการเมือง ชี้ขาดผู้ดำรงตำแหน่งพ้นจากหน้าที่ ศ.ดร.นครินทร์ กล่าวว่า ความหนักใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องการเมืองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้พยายามบอกกับทุกคนว่า ศาลเป็นองค์กรควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ส่วนการตัดสินคดีทางการเมือง เป็นหน้าที่เสริมเท่านั้น แต่คนสนใจแค่อำนาจหน้าที่เสริม เช่น เมื่อไม่กี่วันศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีก็ตัดสินให้ประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะมีกลไกพิจารณา ซึ่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้มาจากการเลือกตั้งทางตรงจากประชาชน ไม่ได้มาจากรัฐสภา ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง เป็นตัวอย่างให้เห็น
เมื่อถามต่อว่า มีบางฝ่ายมองว่ามีคนใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง ศ.ดร.นครินทร์ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะต่างฝ่ายต่างช่วงชิง แต่ศาลวางตัวเป็นกลาง ตั้งมั่นอยู่ในกฎกติกาศาลรัฐธรรมนูญ เวลามีคำร้องเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง ซึ่งมีคนส่งเข้ามาเยอะแยะ แต่ศาลก็จะดูว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องหรือไม่ ถูกขั้นตอนหรือไม่ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายก็ตัดออก เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาก็มีให้เห็น ในคำร้องที่ 1 ที่ศาลได้ออกเอกสารข่าวมา เขากลั่นแกล้งกันเต็มที่เราก็ตัดออก ทั้งนี้ ตนไม่ขอให้รายละเอียดข่าวไม่ขอให้รายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการวิพากษ์วิจารย์ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศ.ดร.นครินทร์ กล่าวว่า เรื่องที่มาหากอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจุบันกฎหมายกำหนดว่าการสรรหาเห็นชอบต้องผ่านวุฒิสภา แต่มีที่มา 2 ส่วน คือผู้แทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และที่ประชุมใหญ่ศาลปกครอง 2 คนก็ต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา และกรรมการสรรหาอีก 4 คน ก็ต้องผ่านวุฒิสภา
“ผมไม่ขัดข้องหากจะแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา แต่อย่างไรก็ตาม ควรที่จะมีองค์กรที่ให้การรับรองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่กรรมการสรรหาได้ลงมติไปแล้ว” ศ.ดร.นครินทร์ กล่าว
Advertisement