ความคืบหน้าคดีจำนำข้าว ศาลปกครองกลาง ให้ บุญทรง เตริยาภิรมย์ พร้อมพวกชดใช้ 2 หมื่นล้าน โดยวานนี้ (29 มี.ค 64) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่ นายมนัส สร้อยพลอย นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง นายทิฆัมพร นาทวรทัต นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายภูมิ สาระผล ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ต่อศาลปกครองกลาง กรณีมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยอ้างว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
"ยิ่งลักษณ์" เดินสายทำบุญก่อนวันตัดสินคดีจำนำข้าว - ชาวบ้านสวมกอดให้กำลังใจ
สำหรับคดีนี้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่นายมนัส สร้อยพลอย ผู้ฟ้องคดีที่ 1 นายทิฆัมพร นาทวรทัต ผู้ฟ้องคดีที่ 2 นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง ผู้ฟ้องคดีที่ 3 นายภูมิ สาระผล ผู้ฟ้องคดีที่ 4 และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ฟ้องคดีที่ 5 กับ
นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4
ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง5ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง4ที่มีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง5รับผิดชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงพาณิชย์ กรณีการระบายข้าวโดยเจรจาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ จีทูจี (G to G) โดยให้ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดเป็นเงินคนละ 4,011,544,752.33 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 4 รับผิดเป็นเงิน 2,242,571,739.67 บาท และผู้ฟ้องคดีที่ 5 รับผิดเป็นเงิน 1,768,973,012.66 บาท คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในสาระสำคัญว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้แก่กระทรวงพาณิชย์ตามความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง5ปฏิบัติหน้าที่ในการระบายข้าว โดยการแบ่งหน้าที่กันทำ ในลักษณะจงใจกระทำต่อกระทรวงพาณิชย์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายตามสัญญาระบายข้าวรวม 4 ฉบับ คิดเป็นเงินจำนวน 20,057,723,761.66 บาท อันเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อคำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีแล้ว มีเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง5ไม่ต้องใช้เต็มจำนวนความเสียหาย ตามมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 การมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดี 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 รับผิดในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหายในแต่ละสัญญาที่แต่ละคนมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงเป็นธรรมในแต่ละกรณีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ฟ้องคดีที่ 3 เพิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว การมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 3 รับผิดในอัตราร้อยละ 20 เท่ากับผู้ฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ในสัญญาฉบับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งบางส่วนเกิดขึ้นก่อนผู้ฟ้องคดีที่ 3 จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว จึงไม่เป็นธรรม
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 มีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 ให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เฉพาะส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 3 (นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ) ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 2,694,464,066.21 บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อนึ่ง จึงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 เฉพาะในส่วนที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 2,694,464,066.21บาท ยกฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ 1 (นายกรัฐมนตรี)ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
สั่งจำคุก "บุญทรง" 42 ปี "ภูมิ สาระผล" 36 ปี คดีทุจริตขายข้าว "จีทูจี"
"บุญทรง" พร้อมพวก นอนคุก! ศาลค้านประกัน ชี้เวลากระชั้นชิด ทนายเตรียมยื่นคำร้อง
ภาพจาก AFP
Advertisement