ญาติผู้เสียชีวิตไว้อาลัย ครบ 1 เดือน เหตุการณ์ไฟไหม้ผับ "เมาน์เทนบี" เรียกร้องให้เจ้าของเยียวยาอย่างเป็นธรรม วอนเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีเจ้าของ
ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์เมาน์เทน บี สัตหีบ ไฟไหม้ รวมตัวไว้อาลัยครบรอบ 1 เดือน บรรยากาศอบอวนไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ และต่างเรียกร้องให้เจ้าของพูดคุยเยียวยาอย่างเป็นธรรม ตลอดจนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับเจ้าของผับ
บรรยากาศหน้าเมาเท่นบีผับ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรมคร่าชีวิตนักท่องเที่ยว 23 ศพ (ตัวเลขล่าสุด) เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 5 สิงหาคม 2565 เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ
ญาติผู้เสียชีวิตกว่า 10 ครอบครัว เดินทางมาพร้อมรูปถ่ายที่ตั้งหน้าศพและดอกไม้ เพื่อวางไว้อาลัย การจากไปของบุคคลอันเป็นที่รักในโอกาสครบรอบ 1 เดือนนับจากวันเกิดเหตุ โดยหลังการวางดอกไม้ ทุกคนยืนร่วมกันสงบนิ่ง ซึ่งในความเงียบก็มีเสียงสะอื้นเป็นระยะ
เรือตรีภูรี นีน้อย 1 ในพ่อของผู้เสียชีวิตออกมาเป็นตัวแทนหลังการไว้อาลัย พูดกับครอบครัวผู้สูญเสียทุกคนว่า เหตุการณ์นี้กำลังจะถูกลืมเหมือนกับเหตุการณ์ซานติก้าผับ ซึ่งทุกคนอาจจะไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม จึงอยากเรียกร้องให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บรวมตัวแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเมาน์เทนบี ฐานต่อเติมอาคาร แปลงสภาพเป็นสถานบันเทิงแบบปิด และในความผิดอื่นๆ เพื่อเป็นการต่อสู้ทางกฏหมายให้ดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม
นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เดินทางมาร่วมไว้อาลัยในจุดเกิดเหตุด้วย ส่วนใหญ่ถูกไฟคลอกตามตัวเป็นแผลตกสะเก็ดแดงหลังจากรักษาตัวเองยาวนาน 1 เดือนเต็ม แต่บางคนแผลยังแห้งไม่สนิทต้องพันแผลไว้
นางสาวรัชสิกา ผู้บาดเจ็บและผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้ เล่าว่าวันเกิดเหตุพอรู้ว่าไฟไหม้ก็รีบวิ่งออกมาที่ประตูด้านหน้า ซึ่งยืนยันว่ามองไม่เห็นทางหนีไฟอื่นนอกจากประตูหน้าทางเข้าเท่านั้น และเมื่อมาถึงพบว่าทุกคนอัดแน่นอยู่ที่ประตูทางออกข้างหน้า จึงใช้โทรศัพท์มือถือในมือกำอย่างแน่นหนา ก่อนทุบกระจกหนีเอาชีวิตรอด ปัจจุบันมีแผลถูกไฟคลอกบริเวณด้านหลังและแขนทั้งสองข้าง ต้องทำกายภาพบำบัด ถือลูกบอลยางเพื่อบีบให้กล้ามเนื้อขยับตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันตกงานขาดรายได้ โดยได้รับเงินเยียวยาจากเจ้าของผับแค่ 6 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ร้องขอให้เจ้าของผับออกมารับผิดชอบอย่างเป็นธรรมไม่ใช่จ่ายแค่หลักหมื่นบาทและหายเงียบไป ตลอดจนร้องขอให้กองบังคับการปราบปรามรับทำคดีนี้ เนื่องจากผ่านไป 1 เดือนตำรวจท้องที่และตำรวจในจังหวัดชลบุรียังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้ จึงทำให้การเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆเกิดปัญหาอย่างมาก และหวั่นว่าหากเป็นเช่นนี้จะเกิดการแทรกแซงคดี จนทำให้ครอบครัวผู้สูญเสียไม่ได้รับความเป็นธรรม
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พร้อมกับครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเคยเดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อยื่นหนังสือให้กองปราบรับทำคดีนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการพิจารณา โดยเตรียมที่จะเดินหน้าพาผู้เสียหายร้องไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
Advertisement