ล่า!หนุ่มเมียนมาคว้าขวดเบียร์ตีหัวเจ้าร้านขายของชำ กระชากสร้อยทองหนี
ล่า!หนุ่มเมียนมาทำทีมาซื้อของ สบโอกาสใช้ขวดเบียร์กระหน่ำตีหัวเจ้าร้านขายของชำ กระชากสร้อยทอง ซิ่งจยย.หลบหนี
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 16 เมษายน 2568 พ.ต.ท.ศุภกิจ พนัสนาชี พนักงานสอบสวน สภ.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายทำร้ายเจ้าของร้านขายของชำ และได้ชิงสร้อยทอง ก่อนขี่รถ จยย.หลบหนีไป โดยเหตุเกิดขึ้นพื้นที่ ม.11 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พิน อินมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายของชำ ในพื้นที่ ม.11 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนในหมู่บ้านสายบ้านบนเนิน ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ถนนสายหลักเข้าไปกว่า 20 กม.เจ้าหน้าที่พบชาวบ้านจำนวนมากยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่รอบๆหน้าร้าน โดยภายในร้านพบเจ้าของร้าน อยู่ในสภาพสวมสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีเหลือง ทราบชื่อภายหลังคือ นางกชพรรณ อายุ 53 ปี กำลังยืนใช้ผ้าขนหนูสีเขียว ประคบบริเวณท้ายทอยตนเองอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอความร่วมมือกันผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกไปก่อน
สอบถามทราบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้ กำลังจัดเตรียมสิ่งของวางเรียงตามชั้นวางของตามชั้นต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อของตามความต้องการ และขณะที่กำลังจัดของอยู่นั้น ก็ได้มีลูกค้าชาวพม่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นลูกค้าประจำคนหนึ่ง ได้เดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้ และเดินเข้าไปในร้าน ก่อนตนเองก็จัดการจัดเรียงของตามปกติ โดยไม่ได้ระแวงเหตุ เพียงไม่นานลูกค้าชาวเมียนมารายดังกล่าว อยู่ก็พุ่งเข้ามาผลักตนจนล้มคว่ำ ก่อนจะใช้ขวดเบียร์ กระหน่ำตีเข้าบริเวณท้ายทอย พร้อมใช้มือจับที่สร้อยทอง ซึ่งหนัก 1 บาท 50 สตางค์ กระชากไป ซึ่งตนเองก็พยายามแต่สู้แรงไม่ไหว เมื่อลูกค้าพม่าคนดังกล่าวได้สร้อยทองไปแล้ว ก็วิ่งขึ้น รถ จยย.ที่จอดไว้ริมถนนหน้าร้านขี่หนีออกไป ตนเองจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และแจ้งตำรวจดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้ให้หน่วยกู้ชีพกู้ภัยฯได้ปฐมพยาบาลเป็นการเบื้องต้น ก่อนพาขึ้นรถ ส่ง รพ.ชุมพร เพื่อทำการรักษาตามขั้นตอนต่อไป
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานจากกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ก่อเหตุ ได้ขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำแดง หมายเลขทะเบียน กถ2849 ชุมพร มาจอดที่ริมถนน ก่อนจะเดินเข้ามาบริเวณหน้าร้าน โดยผู้ก่อเหตุได้สวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ ใช้ผ้าปิดบังใบหน้า และภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกว่าเมื่อมาถึงหน้าร้าน ผู้ก่อเหตุได้ยกมือไหว้ทักทายเจ้าของร้าน ก่อนกล้องวงจรอีกตัวซึ่งติดตั้งอยู่ภายในร้าน ปรากฏภาพขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ใช้ขวดเป็นอาวุธตีเข้าบริเวณศีรษะของเจ้าของร้าน จนล้มลุกคลุกคลาน ไม่นานหลังจากที่ได้สร้อยทองไปแล้ว ผู้ก่อเหตุได้วิ่งไปที่รถ จยย.ขี่หลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบเสาะหา จนทราบตัวผู้ก่อเหตุ ก็คือนายอาว หรือ นาย THUYA PHYO เป็นชาวเมียนมา อายุ 35 ปี ถือหนังสือเดินทาง ประเภทการตรวจลงตรา เป็นแรงงาน 3 สัญชาติกลุ่มมติ ครม.และอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ 365 วัน โดยอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 13 ก.พ.2566 ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นแรงงานเถื่อน และพบว่าก่อนก่อเหตุ นายอาว ได้ไปทำงานรับจ้างอยู่ที่สวนยางของนายสมาน อายุ 70 ปี อยู่ ม.11 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่จึงได้ไปเชิญตัวมาที่ สภ.วิสัยเหนือ เพื่อทำการสอบปากคำ
โดยนายสมาน ให้การว่า นายอาว คือลูกจ้างของตนเองจริง แต่เป็นลูกจ้างที่ไม่ได้อยู่ประจำที่สวน โดยตัวนายอาว จะตระเวนรับจ้างตามสวนไปทั่ว ขึ้นอยู่ว่าสวนนั้นให้ทำงานได้มากน้อยเพียงไหน ซึ่งนายอาว เองก็เพิ่งมาอยู่กับตน ได้ไม่ถึงอาทิตย์ โดยตนให้ไปอยู่ที่บ้านพักในสวน ซึ่งเป็นบ้านพักสำหรับแรงงานรับจ้างโดยเฉพาะ และตนเองก็ไม่คิดเลยว่านายอาว จะกล้าก่อเหตุได้ แต่เมื่อตำรวจนำรูปและคลิปมาให้ดู ตนเองก็ต้องตกใจและขอยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุทำร้ายและชิงสร้อยทองนั้นก็คือ นายอาว ลูกจ้าง พเนจรที่มารับจ้างกรีดยางที่สวนตนเอง
ขณะที่ น.ส.วริยา อายุ 39 ปี ลูกสาวของนายสมาน เปิดเผยว่า ตนเองก็แทบยไม่น่าเชื่อเช่นกัน ว่านายอาว จะก่อเหตุร้ายแรงเช่นนี้ได้ เพราะที่สัมผัสมา นายอาว เป็นคนโน้มน้อมมาก ไปมาลาไหว้ พูดจาดี และไม่เหตุแสดงกิริยาท่าทางที่ก้าวร้าวแต่อย่างใด และเป็นคนชอบที่ไม่ค่อยไปสุงสิงกับใคร และตอนที่มาสมัครงานนั้น พูดจาชัดถ้อยชัดคำ ถามเอกสารทุกอย่างมีไหม นายอาว ก็จะตอบด้วยความมั่นใจว่ามีทุกอย่างถูกต้อง ซึ่งตนเองและพ่อก็เชื่อสนิท โดยไม่ได้ตรวจดูเอกสารใดๆเลย จนมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนเองยอมรับเลยว่า เป็นความผิดพลาดอย่างมาก เสมือนเราจ้างคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า และมาก่อเหตุขึ้น แต่โชคดีที่รู้ตัวว่าคนร้ายคือใคร แต่จะโชคร้ายก็ตอนที่ตำรวจยังจับไม่ได้ ซึ่งเป็นกังวลมาก ไม่รู้จะหวนกลับมาที่บ้านพักอีกหรือไม่ ซึ่งในบ้านพักตำรวจก็ไปค้นเจออุปกรณ์เพสยาบ้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานตำรวจทั่วจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเร่งติดตามไล่ล่าตัวนายอาว แรงงานเถื่อนพเนจรรายนี้แล้ว
Advertisement
