อาจารย์หมอวัย 28 เผยเรื่องราวสุดช็อก! ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ใช้ชีวิตดูแลตัวเองอย่างดี รู้ตัวอีกทีปอดหายไปครึ่งหนึ่ง ชาวเน็ตร่วมส่งกำลังใจให้อย่างล้นหลาม
คุณหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล วัย 28 ปี เปิดเพจ "สู้ดิวะ" เล่าประสบการณ์ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย รู้ตัวอีกทีปอดหายไปครึ่งหนึ่ง ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิตดูแลตัวเองเป็นอย่างดี โดยคุณหมอได้เผยว่า ตนสอบติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 เรียนหมอจบในเวลา 6 ปีครบตามเวลา ไม่ขาดไม่เกิน จากนั้นก็เรียนต่อเฉพาะทางต่ออีก 3 ปี ทันทีในสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระหว่างที่เรียนเฉพาะทาง ก็ไปศึกษา สาขาเฉพาะทางอีกอันหนึ่งคือ ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical Epidemiology and Clinical Statistic) และเรียนปริญญาโท วิทยาการข้อมูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Data Science) อีกใบพร้อมกันไปเลย
ผ่านไป 3 ปี ตนจบแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัว และปริญญาโทวิทยาการข้อมูล ได้บรรจุเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มทำงานได้ 2 เดือน ตนชอบออกกำลังกายมาก เป็นนักกีฬา ให้ความสำคัญกับอาหารและการนอนหลับ วิ่งตามความฝันอย่างเต็มที่ เดินตามแผนที่วางไว้ได้อย่างงดงาม กำลังจะแต่งงาน กำลังจะซื้อบ้าน ก่อนจะพบว่าป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
คุณหมอกฤตไท ยังได้เผยภาพเอกซเรย์ปอด โดยระบุว่า ตนเอกซเรย์ครั้งล่าสุดในปี 2019 ตอนสมัยที่ตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน ก่อนที่ปี 2022 ไปเอกซเรย์อีกรอบจึงพบว่า ปอดด้านขวาหายไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วยการมีก้อนขนาดใหญ่ถึง 8 เซนติเมตร และมีน้ำในปอดร่วมด้วย นอกจากนี้ยังเห็นก้อนเล็กๆในปอดด้านซ้ายด้วยอีกหลายก้อน และในด้านขวาบนเอง ก็มีก้อนเล็กๆ เช่นกัน ในฐานะหมอแล้ว ตนทราบดีว่ามันไม่ใช่การติดเชื้อ และมันไม่ใช่โรคธรรมดา มันคือมะเร็งปอดระยะลุกลาม
คุณหมอเผยต่อว่า ตนมั่นใจในสุขภาพร่างกายตัวเองมาก ทั้งเข้ายิมสม่ำเสมอ เล่นกีฬา กินอาหารคลีน ไม่สูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็น้อยมากๆ ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เครียด นอน 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้ามาอ่านหนังสือ ทำวิจัย สอนนักศึกษา ไม่ได้เข้าเวรอดนอนอะไรเลย การงานอาชีพที่เรียกได้ว่ากำลังไปได้สวย เพิ่งจะอดทนเรียนแพทย์เฉพาะทางจบ พร้อมกับปริญญาโทวิทยาการข้อมูลอีกใบ กำลังบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน ก็ได้ตั๋วเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ใหญ่เฉยเลย
ตนป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ระยะที่เรียกได้ว่าไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนออกแล้วก็หายขาดได้อย่างแน่นอน โดยตนเริ่มไอ ไอมีเสมหะบ้าง ไอแห้งบ้าง ตรวจโควิดแล้วก็ไม่เจอ ตอนแรกไปรักษาไปทางกรดไหลย้อนก่อน ผ่านไป 2 เดือน เรื่องไอไม่หายสักทีจึงตัดสินใจไปตรวจจริงๆจัง วันที่ 3 ตุลาคม 2565 ก่อนพบว่า ฟิล์มที่ปอดข้างขวาเหลืออยู่ครึ่งเดียว ลักษณะเหมือนมีก้อนกับน้ำอยู่ในปอดด้านขวา และปอดด้านซ้ายก็มีก้อนเล็กๆ เต็มไปหมด ตัวก้อนหลักขนาดเกือบ 8 ซม. ที่ปอดด้านขวา นอกจากนี้ตัวมะเร็งยังมีการกระจายไปที่เยื่อหุ้มปอด และปอดข้างซ้ายอีกหลายจุด ที่สำคัญคือ มันกระจายไปที่สมองถึง 6 ก้อนด้วยกัน โชคดีที่ตนไม่มีอาการทางสมองอะไร ทั้งที่ตำแหน่งที่มันกระจายไป สามารถทำให้ตนแขนขาอ่อนแรง ชา เดินไม่ตรง ทรงตัวไม่ได้ หรือแม้แต่เสียการมองเห็นไปเลย
อย่างไรก็ตาม ตนได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้แล้ว ทั้งการผ่าตัด การได้รับเคมีบำบัด และได้รับการฉายแสงที่ศีรษะทันทีที่เจอก้อน ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ยอดเยี่ยมและรวดเร็วแบบนี้ ตนอาจจะไม่สามารถมานั่งเขียนเรื่องราวแบบนี้ก็ได้ ตนโชคดีที่ได้ทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรงไว้ ตอนทำคิดแค่ว่าจะเอาไว้ไปผ่าไส้ติ่งที่เอกชน แต่ตอนนี้ประกันยังไม่อนุมัติ เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการสืบค้นข้อมูล
ตนไม่รู้จริงๆว่าโลกจะให้เวลาเท่าไร ตนไม่สามารถพยายามอะไรได้เลย ทำได้แค่ภาวนาให้ยาตอบสนอง ให้โรคสงบ ให้ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้น ภาวนา ให้มีชีวิตอยู่อย่างปกติไปได้อีกสักวัน หรืออีกสักเดือน การ์ดมะเร็งในมือนี้ เมื่อมันมาอยู่ในมือตน ตนก็จะเล่นต่อไป คือการฝากบางอย่างไว้ให้กับโลกที่อาจจะไม่ได้น่ารักกับตนเท่าไร มันคงจะดีมากๆ ถ้าการที่ชีวิตที่สั้นลงของตนสามารถเป็นกำลังใจ เป็นพลังให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป
Advertisement