ราชกิจจาฯ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โปรดเกล้าฯ "ถอดยศ" และ"เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์" นายทหารและตำรวจ รวม 13 ราย
16 ธันวาคม 2565 "ราชกิจจาฯ" เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศ ข้าราชการตำรวจ ออกจากยศตำรวจ จำนวน 11 ราย ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2547 ข้อ 1 (2) และ (4) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตราตามข้อ 6 และข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ดังนี้
1. พลตำรวจตรี รณพงษ์ ทรายแก้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่ ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เนื่องจากกระทำความผิดอาญา ฐานความผิดต่อตำแหน่ง หน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ความผิดต่อร่างกาย ความผิดต่อเสรีภาพ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก เบญจมาภรณ์ช้างเผือก เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา
2. พันตำรวจเอก พันธุ์ศิริ ศรีเพ็ญ ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรงและถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาชิงทรัพย์ ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก เบญจมาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
3. พันตำรวจเอก อนุชน ชามาตย์ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่ ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เนื่องจากกระทำความผิดอาญา ฐานความผิดต่อตำแหน่ง หน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ความผิดต่อร่างกาย ความผิดต่อเสรีภาพ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
4. พันตำรวจโท สมจิต แก้วพรม ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและถูกดำเนินคดีอาญาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภทที่ 2 เหรียญราชการชายแดน และเหรียญจักรมาลา
๕. พันตำรวจโท ปัณณรุจน์ เรืองเกษมสัณห์ ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็น วันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีต้องหาคดีอาญา ฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ความผิดต่อร่างกาย ความผิดต่อเสรีภาพ ลักทรัพย์ และกรรโชก และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
6. พันตำรวจโท ศักดินันท์ มูลมณี ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษ ไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกัน เป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์ช้างเผือก
7. ร้อยตำรวจเอก ติณณภพ บุญช้าง ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อ ในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
8. ร้อยตำรวจเอก ฉัตรชัย สอนสุด ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อ ในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก
9. ร้อยตำรวจเอก อดิศักดิ์ ขันละ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษ ไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรง และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
10. ร้อยตำรวจโท ณรงกฤต สุนทรสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อ ในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า ๑๕ วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเหรียญทองช้างเผือก
11. ร้อยตำรวจตรี สุวิราช สุ่มเนตร ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อ ในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภทที่ 2 เหรียญราชการชายแดน และเหรียญทองช้างเผือก
ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจทั้ง 11 รายดังกล่าว เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕ ๖๕
ขณะเดียวกันมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระบรมราชานุญาตให้ถอดยศ นายทหารสัญญาบัตร จำนวน 2 ราย ออกจากยศทหาร ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.ยศทหาร พ.ศ.2479 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ยศทหาร (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2501 ประกอบระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 2 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่นายทหารสัญญาบัตรทั้ง 2 ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตราตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ดังนี้
1.ร้อยเอก กฤศ คงอ่อนสาร หรือศราวุธ อ่อนสาร สังกัดกองทัพบก ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2562 เนื่องจากกระทำผิดฐานต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป และเรียกคืนเครื่องรชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา
2.เรือเอก เกียรติกรมั่งคั่ง สังกัดกองทัพเรือ ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.2565 เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหารฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
Advertisement