สำรวจเส้นทาง Fam Trip เยี่ยมชมโครงการหลวง ไปโรงงานแปรรูปชา-กาแฟ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ ดูการวิจัยและพัฒนา “วานิลลา” พืชที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของโลก
อมรินทร์ทีวี ออนไลน์ ยังคงปักหมุดอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ สำรวจเส้นทาง Fam Trip เยี่ยมชมโครงการหลวง วันนี้จะพาไปโรงงานแปรรูปชา-กาแฟ มูลนิธิโครงการหลวง, ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ และร้านโครงการหลวง จ.เชียงใหม่
ขึ้นดอยไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ ม่อนเงาะ พบกับนายอภิสิทธิ์ อุ่นพินิจ หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ และนายปิยพงษ์ ยาเมฆ วิทยากรปฏิบัติงานด้านวิชาการเกษตร ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ เล่าถึงที่มาของศูนย์ฯ ให้ฟังว่า มุ่งเน้นพัฒนาด้านการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเน้นการส่งเสริมอาชีพ ภาคการเกษตรโดยได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมเกษตรกร ในการเพาะปลูกพืชผัก ภายใต้ระบบมาตรฐานอาหารปลอดภัยโดยมีพืชหลักที่สำคัญได้แก่ ชา ฟักทองญี่ปุ่น วานิลลา
โครงการหลวงเริ่มส่งเสริมการปลูกชามาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรบนพื้นที่สูง ด้วยการดำเนินงานที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งได้แก่ การพัฒนาและส่งเสริมการปลูกชาที่ได้รับรองมาตรฐานทั้ง GAP และเกษตรอินทรีย์ การแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ชา ตลอดจนการจัดการตลาดชาเพื่อสร้างรายได้คืนสู่เกษตรกร
โดยผลงานวิจัยที่สำคัญ ได้แก่ การคัดเลือกกลุ่มพันธุ์ชาจีนที่เหมาะสมกับพื้นที่สูง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เกษตรกรปลูกในปัจจุบัน และการพัฒนากระบวนการแปรรูปชาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาการแปรรูปเพื่อแก้ไขปัญหา“ชาอัสสัม” หรือ “ชาป่า” ซึ่งเป็นชาพื้นเมืองที่มีราคาตกต่ำจากการจำหน่ายเป็นเมี่ยงหมัก จากการวิจัยทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ชาเขียวอัสสัมแบบอบไอน้ำ ที่สามารถสร้างจุดเด่น และความแปลกใหม่ของชาอัสสัมให้มีคุณค่ามากขึ้น ส่งผลให้ผืนป่าได้รับการอนุรักษ์ จากการปลูกชาร่วมกับป่า
ปัจจุบันโครงการหลวงส่งเสริมเกษตรกรปลูกชาจำนวนกว่า 200 ราย พื้นที่ 680 ไร่ ใน 10 ศูนย์/สถานี ชาของเกษตรกรโครงการหลวงได้ถูกนำมาวิจัยและพัฒนาเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายหลากหลายประเภทกว่า 5 ชนิด อาทิ ชาขาว ชาเขียว ชาอู่หลง ชาแดง และชาดำ และแปลงชาของลุงเดช (นายเดช รังสี ไร่ชาลุงเดช) ก็เป็นแปลงของเกษตรอีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้ปลูกชาของโครงการหลวงมาตั้งแต่แรกเริ่ม
นอกจากนี้ โครงการหลวงม่อนเงาะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีงานวิจัยและพัฒนา ทำจัดแปลงทดสอบสาธิตในพันธุ์กล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ ที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็น รองเท้านารี ซิมบีเดียม แวนด้า คาลล่าลิลลี่ เป็นต้น จนในปี พ.ศ.2556 ได้เริ่มทำการวิจัยและพัฒนา “วานิลลา” และได้เริ่มทำอย่างจริงจังในปี พ.ศ.2558
วานิลลาเป็นเป็นพืชเครื่องเทศที่ฝักเมื่อบ่มแล้วมีกลิ่นหอม มีถิ่นกำเนิดแถบอเมริกากลางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศแม็กซิโก เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์กล้วยไม้ (ORCHIDACEAE) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vanilla fragrans (Salish) Ames ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด ที่นิยมปลูกคือ แพลนิโฟเลีย (Planifolia) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ทางการค้าของโลก
และวานิลลายังถือเป็นพืชที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของโลก จนได้รับฉายาว่าเป็นทองคำสีเขียวเพราะว่ามูลค่าของวานิลลานั้นจะใกล้เคียงกับราคาของทองคำ จากนั้น พากันเข้าเมืองเชียงใหม่ แวะร้านโครงการหลวง ช้อปปิ้งก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ .
Advertisement