แม่ค้าขนมไทย โอดตอนนี้แบกภาระข้าวของแทบทุกอย่างที่นำมาทำขนม และไม่กล้าขึ้นราคาเพราะกลัวลูกค้าจะหายไป วอนรัฐบาลสนใจแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
ที่จังหวัดอุทัยธานี นางสาววัลภา จันจินดา อายุ 47 ปี เจ้าของร้านโอเล่ย์ขนมไทย ซึ่งขายอยู่หน้าทางเข้าตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี มากว่า 25 ปี มีขนมหลากหลายให้เลือก เช่น เมล็ดขนุน ฝอยทอง ทองหยิบ หม้อแกง ขนมชั้น รวมไปถึงผลไม้เชื่อมต่าง ๆ ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่าในตอนนี้ต้องจำทนแบกภาระไว้ในเรื่องข้าวของที่นำมาทำขนมที่ขึ้นราคาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแป้งที่ใช้ทำขนม รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการทำผลไม้เชื่อม เช่น กล้วย มัน เผือก รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่ขนมเพื่อให้ดูสวยงามน่ารับประทานก็ยังขึ้นราคาเช่นกัน
โดยขนมนั้นขายกล่องละ 10 บาท และกล่องใหญ่ 20 บาท จนตอนนี้ต้นทุนในการทำขนมนั้นสูงขึ้นและเมื่อวานก่อนนั้นทางรัฐบาลประกาศให้โรงงานน้ำตาลขึ้นราคาได้ ส่งผลให้น้ำตาลทรายจากเคยซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 28 บาท แต่พอไปซื้ออีกทีน้ำตาลขึ้นมาอีกแล้วเป็นกิโลกรัมละ 30 บาท
ซึ่งต้องใช้น้ำตาลวันละเกือบ 20 กิโลกรัม แต่ก็ขึ้นราคาขนมไม่ได้ เพราะกลัวลูกค้าจะหนี หากจะลดการใส่น้ำตาลให้น้อยลงก็กลัวว่าขนมนั้นจะไม่อร่อย รสชาติจะเปลี่ยนแปลงอีก ทำให้ไม่มีคนมาซื้อไปรับประทาน ในตอนนี้การขายของกำไรน้อยมาก แต่หากจะหยุดขายก็มีอาชีพเดียว แล้วก็ขายมานานแล้วจนคนที่มาซื้อรู้จักกันหมดแล้ว ก็กลายเป็นขาประจำกันไปจึงมีความเกรงใจที่จะขึ้นราคา
ด้านนางสาวสุดใจ เรืองการนา แม่ค้าขายผลไม้เปิดเผยว่าการที่ทางรัฐบาลนำเงินดิจิทัลมาให้นั้นอยากเปลี่ยนเป็นให้เงินสดเลยเสียดีกว่า ไม่ต้องไปผ่านอะไรให้มันยุ่งยากคนธรรมดาและแม่ค้าใช้ไม่เป็นแน่ และในตอนนี้บรรดาแม่ค้านั้นเดือดร้อนกันอีกครั้งในเรื่องของขึ้นมาก ซึ่งในตอนนี้ของก็ขายไม่ดี ทางรัฐบาลช่วยเลิกทะเลาะกันเสียที หันมาดูแม่ค้า และคนรากหญ้าบ้าง เพราะตอนนี้เดือดร้อนตาม ๆ กันไปและขออย่าทะเลาะกันนักเลยและขอให้ทำงานกันบ้างเถอะหันมาดูแลประชาชนก่อนหน้านั้นก็บอกว่าทำเพื่อประชาชน
Advertisement