องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ "ความเหงา" เป็นภัยคุกคามทางสาธารณสุข ผลวิจัยเผย ก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนปกติ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ความเหงา (Loneliness) เป็นภัยคุกคามทางสาธารณสุข พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อการเชื่อมต่อทางสังคม ผลการศึกษาวิจัยในต่างประเทศ พบว่า ความเหงา ความโดดเดี่ยว การแยกตัวจากสังคม การอยู่คนเดียว ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนปกติ ที่สำคัญข้อมูลทั่วโลกมีคน 1 ใน 4 คนที่เผชิญภาวะความเหงา
ไทยพบผู้สูงอายุที่มีภาวะเหงาเพิ่มขึ้น ผลจากครอบครัวขยายน้อยลง ผู้สูงวัยใช้ชีวิตโดยลำพัง ขณะที่เยาวชนส่วนหนึ่งรู้สึกโดดเดี่ยว นำไปสู่ความเสี่ยงทางสุขภาพและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร จากการพึ่งพายาเสพติด สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครียด และการฆ่าตัวตาย
ปัจจุบันความเหงาถูกยกระดับเป็นภัยสุขภาพระดับโลกเร่งด่วน โดย นพ.วิเวก เมอร์ฟี แพทย์ประจำรัฐบาล (Surgeon General of the United States) สหรัฐฯ เสนอ 6 มาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ปัญหา
1.สร้างโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการมีปฏิสัมพันธ์ในสังคม เช่น สวนสาธารณะ จุดพบปะสังสรรค์ พื้นที่สร้างสรรค์ในชุมชน
2.มาตรการด้านกฎหมายสนับสนุนการลาหยุดพักผ่อนระดับครอบครัว เพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์
3.จัดระบบสุขภาพ คัดกรองผู้ที่ภาวะความเหงาและปัญหาสุขภาพจิต สำหรับไทยได้สร้างกลไกนี้อย่างเป็นรูปธรรม
4.ส่งเสริมศักยภาพให้ประชาชนรู้เท่าทันดิจิทัล เป็นเครื่องมือส่งเสริมการสื่อสารออนไลน์ ทำให้ไม่โดดเดี่ยว
5.ศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับความเหงาเพิ่มมากขึ้น
6.สร้างวัฒนธรรมการพบปะพูดคุย ลดการแยกตัวจากสังคม
ทั้ง 6 ข้อเสนอ สามารถนำมาปรับประยุกต์ให้เข้ากับไทยบนฐานสภาพสังคมและวัฒนธรรมไทย
Advertisement