พี่ชายเสี่ยแป้งร้องขอความเป็นธรรมหลังกองปราบบุกค้นบ้าน และแจ้งข้อหา ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ยืนยันไม่ได้ช่วยเหลือน้องชายหนี
ความคืบหน้าคดีการติดตามตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด ล่าสุดเมื่อตอนสาย วันนี้ 3 ธ.ค.66 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง กลุ่มผู้สื่อข่าวทั้งในจังหวัดและจากส่วนกลางยังคงปักหลักรายงานข่าวกันอย่างมากมาย แต่ไม่สามารถขึ้นไปบนชั้น 3 ได้เนื่องจากถูกขอร้องจากตำรวจที่ปฏิบัติหน้าเวรยามอยู่ชั้นล่าง
แต่แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายหนึ่งเผยว่านายสมชาย ทรงเดชะ ซึ่งเป็นพ่อของนายจรวดได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำต่อตำรวจ โดยขึ้นไปรอให้ปากคำบนชั้น 3 เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.เพื่อมิให้กลุ่มผู้สื่อข่าวได้ถ่ายภาพและสัมภาษณ์ ส่วนนายพงศ์พิพัฒน์ เกิดเทพ (อัยการบอย) คาดว่าน่าจะให้ปากคำต่อสำนักงานจราตำรวจในกรุงเทพฯ เนื่องจากเจ้าตัวได้มีคำสั่งไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกลางแล้ว
ในส่วนของนายกัมปนาท อ่อนสง สารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 กลุ่มผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวภายหลังทางด้านนายพรพนม จันทรเทพ นายอำเภอป่าบอน จ.พัทลุง เผยว่าในขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่นายกัมปนาท ตกเป็นผู้ต้องหาในการพาคนร้ายหลบหนี ว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร เพื่อมิให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายปกครองใน อ.ป่าบอน ได้รับความเสียหาย
ทางด้านทนายชัช หรือ ว่าที่ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงค์ ทนายกลุ่มทนายใจดี ได้เดินทางมายังบ้านของนายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง พี่ชายของเสี่ยแป้ง ภายหลังที่ทางเจ้าตัวได้รับเรื่องร้องทุกข์จากทางญาติของเสี่ยแป้ง ในเรื่องของผลกระทบจากการเข้าบุกตรวจค้นบ้านและมีการจับกุมแจ้งข้อหาในการช่วยเหลือเสี่ยแป้งไปก่อนหน้านี้ตามที่ได้มีการเสนอข่าว
ซึ่งทางครอบครัวของนายกษิดิ์ชาติ ได้เน้นย้ำกับสื่อมาโดยตลอดว่าที่ผ่านมาแม้ว่าทางเจ้าตัวตัวเองจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยในส่วนของขั้นตอนกระบวนการแจ้งข้อหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งบรรยากาศที่บ้านของทางด้านนายกษิดิ์ชาติ ได้มีการเตรียมเอกสารในส่วนของหลักฐานที่เกี่ยวข้องและยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับทางทนายชัช ซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้นจะเป็นในส่วนของการกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม บริเวณหน้าโรงพยาบาลพัทลุง รวมไปถึงเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปรักษาอาการป่วย เนื่องจากก้างปลาทิ่มคอที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทลุง
ซึ่งบางช่วงบางตอนทนายได้มีการสอบถามและขอข้อมูลรายละเอียดรวมไปถึงมีการสอบถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย.2566 ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 6 นำหมายศาลจังหวัดพัทลุงเข้าทำการค้นบ้าน รวมไปถึงทางด้านพี่ชายของเสี่ยแป้ง ได้มีการเล่าข้อมูลหรือเหตุการณ์ให้กับทางทนายชัช รับทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเข้ามาตรวจค้นของเจ้าหน้าที่กองปราบปราม ซึ่งทราบว่าเป็นของส่วนกลางร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวรในพื้นที่นำหมายศาลเข้ามาตรวจค้น แต่ไม่ได้มีการแสดงหมายจับหรือหมายเรียกแต่อย่างใด
โดยพฤติการณ์ในวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้มีการเชิญตัวเพื่อไปให้ข้อมูลหรือรายละเอียดที่สภ.เมืองพัทลุง แต่สุดท้ายเมื่อไปถึง สภ.กลับมีการแจ้งข้อหาและนำตัวเข้าห้องขังเป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะสงสารและให้ทางครอบครัวญาติไปประกันตัวที่ชั้นศาล ยืนยันก่อนการเข้าตรวจค้นหรือแจ้งข้อหาไม่ได้มีหมายเรียกหรือหมายจับมาที่บ้าน ซึ่งทางพี่ชายของเสี่ยแป้งเองได้ให้ข้อมูลกับทางทนายว่าค่อนข้างรู้สึกตกใจและเสียความรู้สึก เพราะส่วนตัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือกับทางด้านเสี่ยแป้ง ตามที่มีการตั้งข้อหาทั้งที่ตนเองปฏิเสธตั้งแต่ชั้นสอบสวน
ขณะที่ในส่วนของผลกระทบของครอบครัวโดยหลักก็จะเป็นในส่วนของลูกที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัย เนื่องจากหลายคนเองที่ไม่เข้าใจก็มีการตีตราว่าตนในฐานะพ่อเป็นผู้กระทำความผิดรวมไปถึงญาติและบุคคลอื่นที่มีการพาดพิงถึงโจทก์กล่าวถึงข้อกล่าวถูกจ้องเเละเล็งเล่นงาน
โดยทางทนายชัช ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ได้รับการประสานมาจากครอบครัวและญาติของเสี่ยแป้ง หลังจากที่ตกเป็นข่าวและมีการเข้ามาตรวจค้นบ้าน รวมไปถึงมีการตั้งข้อหา ตลอดจนในส่วนของครอบครัวญาติบางรายยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กล้าที่จะออกมาพูดคุยหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกและเรื่องของคดีความ ทำให้ตนเองเดินทางมาเพื่อพูดคุยกับทางด้านนายกษิดิ์ชาติ ในฐานะมีศักดิ์เป็นพี่ของเสี่ยแป้ง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ทนายได้รับทราบข้อมูลก็พอจะทำให้ทราบเรื่องว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่มีการเข้ามาตรวจค้นนั้นอาจจะเชื่อมโยงมาจากข้อสันนิษฐานของทางสถานีตำรวจ หลังจากทราบว่าทางเสี่ยแป้งได้มีการหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณเทือกเขาบรรทัด สอดคล้องกับทางด้านพี่ชายที่ทำงานอยู่ในส่วนของกรมอุทยาน รับผิดชอบบริเวณเทือกเขาบรรทัด เลยทำให้มีการเชื่อมโยงว่าพี่ชายให้ความช่วยเหลือ
จากการสอบถามในส่วนของพี่ชายเสี่ยแป้ง ยอมรับว่าในมุมของข้อกฎหมายเบื้องต้นค่อนข้างพบความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นหมายเรียกหมายจับหรือขั้นตอนในการแจ้งข้อหา ตลอดจนในส่วนของกรณีที่ทางพี่ชายเสียแป้งโดนตั้งข้อหา มาตรา192 เกี่ยวกับกรณีให้ความช่วยเหลือซึ่งจริงแล้วโทษไม่เกิน 3 ปี หากเป็นขั้นตอนกระบวนการตามปกติก็จะต้องมีการออกหมายเรียก ซึ่งในส่วนของผู้ที่ถูกออกหมายเรียก ก็มีสิทธิ์จะไปหรือไม่ไปตลอดจนสามารถหาทนายเพื่อมาสู้คดี หลังจากนี้ในฐานะทนายความตนเองก็นำหลักฐานและข้อมูลที่ได้รับเพื่อไปเรียกร้องความเป็นธรรมในลำดับต่อไป
ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่าภายหลังที่มีการปล่อยคลิปตัวที่ 3 ออกมา ทางเสี่ยแป้งจะมีการเข้ามอบตัวภายใน 4-5วัน ซึ่งภายหลังที่มีการปล่อยคลิปยอมรับว่า ทางทนายความเองก็ไม่ได้รับสัญญาณหรือมีการสื่อสารลักษณะว่าทางเจ้าตัวจะต้องออกมามอบตัวหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบจะมอบตัวหรือไม่มอบตัว แต่ตนก็ได้ทำหน้าที่ในฐานะทนายความ ที่มีการส่งสารหรือนำเอกสารที่ทางเสี่ยแป้งส่งผ่านมา การจะมอบตัวหรือไม่มอบตัว ก็ถือว่าเป็นอำนาจและวินิจในการตัดสินใจของเขา
ด้านพี่ชายเสี่ยแป้ง ระบุเพิ่มเติมว่าวันนี้ตนเองออกมาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับทางตนเองและครอบครัวที่ถูกพาด พิงตนเองไม่ได้จะกล่าวหาทางเจ้าหน้าที่ แต่อยากทราบในมุมของความเป็นจริงว่าการกระทำดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่.
Advertisement