ป้า ชาวบุรีรัมย์ บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ หลังนำเงินไปปิดสินเชื่องวดสุดท้ายแต่กลับถูกเรียกเก็บเพิ่มจากค่างวดปกติอีก 10 เท่า ยอดเกือบแสน จนท.สินเชื่อสาขาอ้างเป็นค่าปรับล่าช้าสะสม เตรียมเรียกทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ย
(19 มี.ค.67) นางเยาวมาลย์ หรือป้าเยาว์ อายุ 53 ปี ชาวตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพทำการเกษตร ได้นำหลักฐานใบเสร็จการชำระเงินให้กับบริษัทสินเชื่อสาขาแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับศูนย์ดำรงธรรม อำเภอละหานทราย หลังจากได้นำเงินไปปิดงวดสินเชื่องวดสุดท้ายจำนวน 8,456 บาท เมื่อวันที่ 14 มี.ค.67 ที่ผ่านมา แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่สินเชื่อประจำสาขาเรียกเก็บเงินเพิ่มจากค่างวดปกติอีก 10 เท่า รวมเป็นเงินกว่า 80,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าติดตามทวงถามและค่าปรับล่าช้าสะสม หากไม่ชำระตามยอดที่เรียกเก็บก็ไม่สามารถปิดบัญชีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ป้าได้ชำระทั้งต้นและดอกเบี้ยครบทุกงวด เหลือเพียงงวดสุดท้ายงวดเดียวแต่ไม่สามารถปิดงวดได้ จึงได้นำหลักฐานใบเสร็จการชำระเงิน มาร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ายอดที่เรียกเก็บเพิ่มจากค่างวดปกติอีก 10 เท่าถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่ แต่หากมีค่าทวงถามหรือค่าปรับล่าช้าจริงก็ไม่น่าจะสูงถึงขนาดนี้
ป้าเยาว์ เล่าว่า เมื่อช่วงต้นปี 2562 มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในการลงทุนทำ จึงตัดสินใจไปกู้เงินกับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง โดยการนำเล่มทะเบียนรถยนต์ ไปยื่นค้ำประกันในการกู้ โดยยอดกู้ทั้งหมด 190,000 บาท ทางบริษัทให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ 8,456 บาท รวม 48 งวด โดยให้ชำระไม่เกินวันที่ 24 ของทุกเดือน แต่ช่วงแรกยังหมุนเงินไม่ทันก็จ่ายล่าช้าไป 1 งวด แต่งวดถัดมาก็นำเงินไปจ่ายทบ 2 งวดทั้งต้นและดอกเบี้ย หลังจากนั้นก็จ่ายมาตลอดทุกงวดจนถึงงวดที่ 48 ซึ่งเป็นงวดสุดท้าย ก็แจ้งทางบริษัทใหญ่ว่าจะไปปิดงวดสุดท้าย ทางบริษัทก็แจ้งว่าถ้าจะปิดก็ให้จ่ายไม่เกินวันที่ 14 มี.ค.67 ตนก็เตรียมเงินไปตั้งใจจะปิดงวดสุดท้าย แต่พอไปถึงเจ้าหน้าที่ประจำสาขากลับแจ้งว่าถ้าจะปิดต้องจ่ายที่ยอดกว่า 80,000 บาท เพราะมีค่าติดตามทวงถามและค่าปรับล่าช้าสะสม ตนก็ตกใจเพราะเป็นยอดที่สูงมาก ทั้งที่ตนกู้ไป 190,000 บาท หากชำระครบ 48 งวดก็คิดเป็นทั้งต้นและดอกเบี้ยรวมแล้วกว่า 400,000 บาท แต่ทำไมถึงมาเรียกเก็บเพิ่มอีกกว่า 80,000 บาท จึงมองว่าไม่มีความเป็นธรรม จึงได้นำหลักฐานใบเสร็จการชำระเงินมาร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ายอดที่เรียกเก็บเพิ่มจากค่างวดปกติอีก 10 เท่าถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่ แต่หากมีค่าทวงถามหรือค่าปรับล่าช้าจริงก็ไม่น่าจะสูงถึงขนาดนี้
ขณะที่นายอนันตชิน ทศดร ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งได้รับเรื่องจากป้าที่มาร้องเรียน ก็จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้จัดการสินเชื่อสาขาละหานทราย ซึ่งเบื้องต้นผู้จัดการชี้แจงว่า ลูกค้ารายนี้เคยค้างค่างวด 3 – 4 งวด ทำให้มีค่าปรับล่าช้าสะสม ไม่ได้ค้างแค่งวดเดียวตามที่ลูกค้าให้ข้อมูล ทางบริษัทมีหลักฐาน แต่พอผู้สื่อข่าวสอบถามว่าถ้าค้างหรือจ่ายล่าช้า 3 – 4 งวดค่าปรับสูงถึง 80,000 บาทหรือไม่ ทางผู้จัดการไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนแต่บอกว่าติดลูกค้าอยู่ยังไม่สะดวกให้ข้อมูล
Advertisement