นายอำเภอยางชุมน้อย ยอมรับคนในคลิปคือตนเอง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เมา แค่เพียงลงไปช่วยพูดกับตำรวจให้ลูกน้อง ที่ขับรถมาก่อนหน้าแล้วพบแอลกอฮอร์เกินกำหนด
จากกรณี คลิปภาพชายสวมเสื้อลายแขนยาว โต้เถียงกับตำรวจ สภ.เมืองอำนาจเจริญ และตำรวจทางหลวง ที่ด่านตรวจในเขตพื้นที่ อ.เมืองอำนาจเจริญ ถูกแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์นั้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าตนได้ทราบข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วซึ่งตนเห็นว่าทางกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลได้มีนโยบายและมีคำสั่งในการกวดขันจับกุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งจากคลิปตามข่าวนั้นท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ตนทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นซึ่งตนได้แต่งตั้งคณะการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ซึ่งตนจะดำเนินการตามข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องและยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายและวินัยที่กำหนดไว้อย่างเต็มที่โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นตนขอฝากแจ้งข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกคนของจังหวัดศรีสะเกษว่า นโยบายของผู้บังคับบัญชาและระเบียบวินัยข้าราชการจะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน
อีกทั้งขณะนี้อยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ข้าราชการจะสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่จะต้องดื่มอยู่ในที่ที่เหมาะสมและที่สำคัญจะต้องไม่เมาแล้วขับอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และช่วงเทศกาลต่าง ๆ ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
และล่าสุด นายอำเภอยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายสฤษดิ์ รัตนวงษ์ นายอำเภอยางชุมน้อย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวที่บ้านพักว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 17.00 น.ของวันที่ 11 เมษายน 2567 ยอมรับว่าเป็นผู้ชายที่โต้เถียงกับตำรวจชุดประจำด่านตรวจจริง ซึ่งตนไม่ใช่คู่กรณีของคดีนี้ แต่เป็นลูกน้อง ซึ่งขับรถคนละคันและถูกตรวจพบว่ามี แอลกอฮอล์ในร่างกายเกินที่กฏหมายกำหนด เท่านั้น ส่วนบทสนทนาที่เกิดขึ้นตนยอมรับว่าคำบางคำ ก็มีการพูดกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ตนพูดด้วยความสัจจริง คือต้องการให้มีการปรับ หรือ การตักเตือนก่อนได้ไหม ก่อนที่จะนำคดีตามขั้นตอนต่อไป แต่ไม่คิดว่าจะมีคลิปในขณะที่มีการสนทนาหลุดออกไปทางโชเชียลมีเดีย ซึ่งตนขอพูดอีกครั้งว่า ตนไม่ได้ขับรถขณะมึนเมา และไม่ใช่คู่กรณีดังกล่าวของคดี นั้นแต่อย่างใด
นายอำเภอยางชุมน้อย เล่าต่อว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 เมษายน 2567 ตนพร้อมลูกน้องได้เดินทางไปร่วมงานบวช ของหลานชาย ที่อำเภอเมือง จ.อำนาจเจริญ ในขณะนั้นตนยังร่วมงานอยู่ในบ้าน ซึ่งลูกน้องอีกคนได้ขับรถกระบะ ออกจากงานบวชมาก่อนตน แต่พอมาถึงด่านตรวจดังกล่าวก็ถูกเรียกตรวจ แอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งตนก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง ให้เข้าไปช่วยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจซึ่งเป็นตำรวจทางหลวง และชุดตำรวจ สภ.เมืองอำนาจเจริญ แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้มีการพูดขอร้องกัน จนมีการกระทบกระทั่งกันด้วยวาจา จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็มีการถ่ายคลิปกันไว้ จนไม่สามารถจับปรับกันที่ด่านตรวจได้ ซึ่งตามขั้นตอนต้องดำเนินคดี ไปถึงศาลจังหวัด จึงจะสามารถประเมินค่าปรับได้
จึงคิดว่าทุกอย่างน่าจะลงเอยด้วยดี เพราะทางตำรวจทางหลวง ได้ลงบันทึกจับกุมไว้แล้วและเตรียมยื่นส่งไปที่ศาลจังหวัด แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคลิปขณะที่มีการสนทนากันหลุดออกมาทางสื่อโชเชี่ยลมีเดียซึ่งตนยอมรับว่า การพูดจาก็อาจมีกระทบกระทั่งกัน แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เหตุทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพราะขณะนั้นตามคลิปตนได้สะดุดกับฟุตบาต จึงเสียหลักจะล้ม หากเจ้าหน้าที่คิดว่าตนจะทำร้ายร่างกาย ทำไม ไม่มีการเข้าจับกุมตนในเวลานั้นเลย เพราะตนบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อสู้กับใคร ตนเพียงลงไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจให้ลูกน้องเท่านั้น นายสฤษดิ์ กล่าว
นายอำเภอยางชุมน้อยกล่าวต่อไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตนยอมรับผลที่จะตามมาสุดแท้แต่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา แต่ตนขอยืนยันว่าภาพตามคลิปไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เป็นคลิปที่ออกมาจากทางฝ่ายตรงข้ามเพียงด้านเดียว ตนปฏิบัติติหน้าที่ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด และเปิดจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเขตอำเภอยางชุมน้อย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุอย่างเต็มที่ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงงานบุญนั้นตนก็ดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าเป็นงานบุญจึงมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตนได้รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษทราบแล้ว และพร้อมที่จะให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมการสอบสวนที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษตั้งขึ้นมา
ด้าน นายวิระศักดิ์วันทาญาติของนายอำเภอที่มาช่วยทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นข้อเท็จจริงตามข่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ตนทำหน้าที่ขับรถเมื่อได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากหลานเขยว่าถูกตำรวจจับกุมข้อหาเมาแล้วขับจึงได้แจ้งให้นายอำเภอทราบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าตำรวจตั้งด่านอยู่ และได้ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม และไม่ให้เกียรติกับนายอำเภอยางชุมน้อย ทั้งที่นายอำเภอเข้าไปเพื่อขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยขอให้ปรับตรงนั้นได้หรือไม่ แต่เมื่อไม่ได้ก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่ว่าตำรวจกลับพูดจาไม่ให้เกียรติกับนายอำเภอซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงจึงได้มีการโต้เถียงกันขึ้นแต่ว่าไม่ได้มีเหตุการรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
Advertisement