ลูกชาย ทาสยาคลั่งอาละวาด คิดว่าพ่อเอาสายไฟไปขาย โมโหเผาบ้านไหม้ทั้งหลัง ก่อนหนีไป
วันที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 19.30 น. พ.ต.ท.เปรม เตรียมตัว สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในซอยสามัคคี 20 เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครอุดรธานีและอาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธาธรรมสถานรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงไม่มีเลขที่ พบนายมีพล ขัตติยะวงษา อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านและเป็นพ่อคนก่อเหตุ คือนายอัครเดช ขัตติยะวงษา อายุ 24 ปี ลูกชาย โดยนายมีพล พาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดที่ลูกชายจุดไฟเผา ได้มีชาวบ้านเข้ามาช่วยกันขนของออกมาจากบ้าน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครอุดรธานีพร้อมรถน้ำดับเพลิงจำนวน 5 คันฉีดน้ำดับไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านเรือนใกล้เคียง ไฟไหม้ได้เสียหายไปทั้งหลัง แต่มีบ้านของ น.ส.ทิพย์สุดา อายุ 30 ปี เพื่อนบ้านที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายบางส่วน
นายมีพลขัตติยะวงษาพ่อคนก่อเหตุเล่าว่าตอนเกิดเหตุตนก็นอนอยู่บริเวณหน้าบ้าน แล้วลูกชายก็เดินเข้ามาจุดไฟเผา ซึ่งน้องชายของตนตะโกนมาบอกว่าไฟไหม้ ตนก็รู้สึกตัวขึ้นมาพอดีแล้วรีบไปบอกชาวบ้านให้มาช่วย ส่วนลูกชายหลังจากก่อเหตุจุดไฟเผาก็รีบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุซึ่งตนคิดว่าถ้าตนเข้าไปนอนในห้องเหมือนทุกวันคงจะถูกไฟคลอกเสียชีวิตไปแล้ว ตนกับลูกชายได้มีปากเสียงทะเลาะกันก่อนที่จะมาก่อเกิดเหตุ
โดยลูกชายคิดว่าตนขโมยสายไฟไปขายจึงทำให้ลูกชายโมโหอาละวาดมาจุดไฟเผากองเสื้อผ้าภายในบ้าน ซึ่งตนคิดว่าสาเหตุเพราะลูกชายเสพยาเสพติดด้วย และยังมาทะเลาะกับตนจึงทำให้คลั่งอาละวาดจุดไฟเผาบ้านของตนจนไหม้ไปหมด โดยตนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายกับลูกชายให้ที่สุด
เบื้องต้นตำรวจทราบตัวคนก่อเหตุแล้วและจะให้ตำรวจสืบสวนทำการติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Advertisement