GFAI ผงาดเปิด 3 Software Solution AI ตัวใหม่ โชว์สุดล้ำนวัตกรรมไฮเทคหุ่นยนต์ ตอบโจทย์ธุรกิจหลากหลายขึ้น
นางสาวโอลิเวีย หวัง (Ms.Lei (Olivia) Wang) ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท การ์ดฟอร์ซเอไอ จำกัด หรือชื่อในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ว่า GFAI, GFAIW ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชั่นครบวงจรระดับโลก ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจรักษาความปลอดภัย ซึ่งได้มีการนำเสนอโซลูชั่นด้านบริการความปลอดภัยมานานกว่า 41 ปี จึงนับเป็นบริษัทที่มีความประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างสูงในอุตสาหกรรมด้านการรักษาความปลอดภัย ประกอบกับบริษัทมีฐานลูกค้าชั้นนำที่แข็งแกร่ง และมีช่องทางการขายที่ครอบคลุมไปยังตลาดทั่วโลก จึงทำให้บริษัทมีรากฐานสำคัญที่ส่งผลให้สามารถขยายออกไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ เกี่ยวกับทางด้านโซลูชั่น เอไอ และหุ่นยนต์ เพิ่มมากขึ้น เมื่อปี 2563 มาถึงปัจจุบันนี้โดยธุรกิจด้านโซลูชั่น เอไอ และหุ่นยนต์ ของบริษัทได้ครอบคลุมการให้บริการไปยังทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ประเทศจีน, ฮ่องกง, มาเก๊า, ไทย, มาเลเซีย รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกา
โดย นางสาวโอลิเวีย หวัง เปิดเผยว่า ตลอดระยะ 4 ปี ที่บริษัทขยายเข้ามาสู่ธุรกิจด้านโซลูชั่นเอไอ และหุ่นยนต์ เนื่องจากมองเห็นโอกาสทางการตลาดของธุรกิจโซลูชั่นเอไอ และหุ่นยนต์ว่าจะสามารถเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และต้นทุนด้านแรงงานในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าได้อย่างไรบ้าง ดังนั้นหุ่นยนต์ตัวแรกที่บริษัทเปิดให้บริการกับลูกค้าคือ หุ่นยนต์ต้อนรับ หรือ Reception Robot ที่ออกแบบมาเพื่อลดภาระ หรือทดแทนพนักงานต้อนรับให้กับลูกค้ากลุ่มโรงแรม และ โรงพยาบาล หรือธุรกิจที่ต้องการให้บริการด้านต่าง ๆ กับลูกค้า ตามมาด้วยหุ่นยนต์ เสิร์ฟอาหาร/ ส่งสินค้า Delivery Robot ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล ที่สามารถนำหุ่นยนต์ตัวนี้มาใช้เพื่อส่งเอกสารและยาต่างๆ ให้กับผู้ป่วย รวมถึงการออกตัวหุ่นยนต์ใหม่ในช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา คือ หุ่นยนต์ทำความสะอาดเพื่อใช้ทำความสะอาด พ่นยาฆ่าเชื้อโรค ตามพื้นที่ขนาดใหญ่
“โดยช่วงระยะแรกๆ ของการดำเนินด้านโซลูชั่น เอไอ ของบริษัท หุ่นยนต์แต่ละตัวจะถูกพัฒนาการใช้งานได้แค่ระดับการสื่อสาร โต้ตอบกับลูกค้า จนกระทั่งลูกค้าเรียกร้องอยากให้บริษัทช่วยพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถให้บริการแบบตรงจุดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ปลายปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทจึงได้ร่วมมือกับไอแอพ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อจะพัฒนานวัตกรรมที่เป็น Software Solution AI ใหม่ ขึ้นมา ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Chat GPT (แชต จีพีที) ชื่อ LinguaBot (ลิงกัวบอต) เพื่อเพิ่มความสามารถของหุ่นยนต์ ที่ไม่เพียงแต่พูดและตอบโต้กับลูกค้าได้เท่านั้น แต่โซลูชั่นใหม่นี้สามารถเปลี่ยนหุ่นยนต์ต้อนรับให้กลายเป็น พนักงานขายได้ ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้บริษัทพุ่งเป้าในการจับตลาดลูกค้ากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและค้าปลีกเป็นหลัก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอัตราการฟื้นตัวกลับมาคืนมาแล้ว นักท่องเที่ยวจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย ภายหลังจากการหยุดชะงักลงด้วยสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคระบาดโควิด 19”
“ขณะเดียวกันบริษัทก็มีเป้าหมายที่จะนำ Software Solution AI ตัวใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Chat GPT (แชต จีพีที) ชื่อ LinguaBo ดังกล่าว เข้าไปเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายของบริษัทในธุรกิจบริการที่หลากหลายมากขึ้นด้วย เช่น ร้านอาหาร, โรงแรม, โรงพยาบาล, สวนสัตว์, หน่วยงานราชการ และอื่นๆ ต่อไป รวมถึงการพัฒนาไปสู่การเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาต่างประเทศอื่นๆ มากขึ้น นอกจากภาษาไทย คือ ภาษาจีน และอังกฤษ เป็นต้น เพื่อการครอบคลุมไปถึงธุรกิจของลูกค้าในตลาดโลกมากขึ้น”
นอกจากนี้ ทางบริษัทกับไอแอพ ก็มีแผนร่วมกันที่จะพัฒนา Software Solution AI อื่นๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น เช่น Software Barism (บาริซึม) เป็น Software ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมระหว่างผับ บาร์ และลูกค้า เพื่อช่วยให้เกิดการพัฒนาธุรกิจและสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น และ Software WishNote (วิชโน้ต) ที่มีความสามารถด้านการช่วยจัดเก็บและแสดงข้อความในรูปแบบดิจิทัล อาทิ เขียนคำอวยพรในงานแต่งงาน, งานเฉลิมฉลองอื่นๆ ซึ่งเหมาะมากสำหรับธุรกิจหรือลูกค้ากลุ่มนักวางแผนงานแต่งงาน, ผู้จัดงาน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
อย่างไรก็ดี จากแผนงานดังกล่าว นางสาวโอลิเวีย หวัง กล่าวเสริมว่า ทางบริษัท การ์ดฟอร์ซเอไอ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท การ์ดฟอร์ซ เอไอ จำกัด ได้นำบริษัทเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก สหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีชื่อว่า GFAI, GFAIW เพื่อเป้าหมายในการทำให้ชื่อของบริษัทและธุรกิจของบริษัทด้านโซลูชั่น เอไอ และหุ่นยนต์ เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก รวมถึงเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าที่อยู่ในตลาดภูมิภาค South East Asia มากขึ้น เพื่อเป็นบันไดก้าวสู่การขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลก มากยิ่งขึ้นในอนาคต
“ปัจจุบันยอดขายของบริษัทในตลาด South East Asia อันดับ1 มาจากประเทศจีน ตามมาด้วยประเทศฮ่องกง มาเก๊า ไทย และมาเลเซีย จึงเป็นที่มาของการจัดงาน "GFAI LUNCH AND LEARN NAVIGATING THE AI ERA" ขึ้นในประเทศไทย เพื่อเปิดตัวและแนะนำ Software Solution AI กับ 3 นวัตกรรม LinguaBot (ลิงกัวบอต), Barism (บาริซึม) WishNote (วิชโน้ต) ให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้รู้จักมากขึ้น และได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสเห็นถึงความสามารถด้าน Software Solution AI ใหม่ดังกล่าวว่าเมื่อนำเข้ามาใส่กับหุ่นยนต์จะสามารถใช้งานต่างๆ ได้ตรงกับธุรกิจของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างไรบ้าง”
ส่วนทางด้านการแข่งขันและความได้เปรียบของบริษัทสำหรับธุรกิจโซลูชั่น เอไอ และหุ่นยนต์ ในตลาดเมืองไทย นายเควิน ชู ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีเอฟเอไอ โรบอททิก แอนด์ อินโนเวชั่น โซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโซลูชั่น เอไอ กำลังเป็นที่นิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเมืองไทย หลายๆ ธุรกิจเริ่มนำโซลูชั่น เอไอ มาปรับใช้เพื่อให้เหมาะกับธุรกิจของตนเองมากขึ้น ซึ่งโซลูชั่นเอไอ ของบริษัทการ์ดฟอร์ซ เอไอ มีความแตกต่างจากคู่แข่งในส่วนของนวัตกรรมที่จะทำให้โซลูชั่น เอไอ เมื่อผนวกเข้ากับตัวหุ่นยนต์แล้วสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในแต่ละธุรกิจของลูกค้าได้จริง ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกและปรับเปลี่ยนได้ว่าจะใช้ Solution หรือ Software ตัวไหน โดยที่ทางบริษัทก็จะทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนให้ตรงกับการใช้งานจริงในธุรกิจของลูกค้าได้หมด ประกอบกับเมื่อมีการออก Software Solution AI ตัวใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Chat GPT (แชต จีพีที) ชื่อ LinguaBot(ลิงกัวบอต) จะยิ่งช่วยทำให้การตอบรับต่อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้เป็นที่ต้องการมากขึ้น โดยทางบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ, สวนสัตว์ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากลูกค้ากลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแรกที่บริษัทจะเข้าไปทำการตลาดขาย Software Solution AI ตัวใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีทีม Tech Support ทั่วประเทศ เพื่อจะช่วยเรื่องการบริการให้กับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ อีกด้วย
“ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นแรงกระเพื่อมที่จะผลักดันให้ยอดขายของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2567 สามารถเติบโตเพิ่มมากขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา และ เมื่อจบปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงมากขึ้นทั้งในระดับประเทศไทยและระดับ Global” นายเควิน ชู กล่าวทิ้งท้าย
Advertisement