แกะรอยหา จิงโจ้ กระโดดข้ามห้วย ดอยสุเทพห่างถนนกว่า 2 กม. สวนสัตว์เชียงใหม่แถลงยอมรับ หลุดระหว่างเข้าไปทำความสะอาดกรง
จากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวเผยแพร่ส่งคลิป จิงโจ้หลุดวิ่งขึ้น ดอยสุเทพ และมีการแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 29 พ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ สวนสัตว์เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สนธิกำลังเข้าติดตามจิงโจ้เพศเมียของ สวนสัตว์เชียงใหม่ ที่หลุดออกจากส่วนจัดแสดง และออกมาทางประตูด้านหน้าของ สวนสัตว์เชียงใหม่หนีไปตามถนนขึ้นดอยสุเทพ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามไปจนพบว่า จิงโจ้เจอสุนัขของชาวบ้านเห่าไล่จนเตลิดหนีเข้าป่าริมถนนไป จึงได้วางแผนติดตามจากจุดที่หายไป และกระจายกำลังเข้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อเวลา 12.00 น. นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าพบรอยเท้าของจิงโจ้ข้ามลำห้วย ซึ่งอยู่ห่างจากถนนที่พบตัวตามคลิปไปประมาณ 2 กิโลเมตร
ตอนนี้ได้วางแผนจัดกำลังเข้าตีวงล้อมจุดดังกล่าว และหากพบตัวก็จะให้เจ้าหน้าที่เฝ้าโอบล้อมไว้ และจะประสานให้ทีมสัตว์แพทย์ของสวนสัตว์เชียงใหม่เข้าดำเนินการ โดยจะใช้วิธียิงยาสลบ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับจิงโจ้ ซึ่งปกติเป็นสัตว์ขี้ตกใจหากใช้กำลังเข้าจับอาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือตกใจเตลิดหนีไปไกลกว่านี้
ขณะที่ สวนสัตว์เชียงใหม่ นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ แถลงว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.50 น. จิงโจ้แดงเพศเมียได้หลุดออกจากส่วนจัดแสดง บริเวณคอกกักด้านหลัง
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้เลี้ยง ทราบว่าจิงโจ้แดงอายุ 2 ปี ได้เดินสวนทางกับพนักงานเลี้ยงที่กำลังจะเปิดประตูคอกกักเข้าไปในส่วนจัดแสดง หลังจากนั้นได้ออกประตูหลังคอกกักวิ่งกระโดดไปด้านหลังเข้าสู่ถนนด้านหน้าส่วนจัดแสดง บริเวณลิงไทย และโซนสัตว์ออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ติดตามไปเป็นระยะๆ ทำการกั้นบริเวณ แต่จิงโจ้แดงได้กระโดดและวิ่งออกนอกสวนสัตว์เชียงใหม่วิ่งขึ้นดอยสุเทพ ตามเส้นทางถนนเข้าหมู่บ้านห้วยแก้ว ไปยังสถานีวัดความสั่นสะเทือนจังหวัดเชียงใหม่ กรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ
ล่าสุดได้เน้นย้ำผู้ช่วยผู้อำนวยการหัวหน้าฝ่ายหัวหน้างานที่รับผิดชอบให้ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น ส่วนจิงโจ้แดงที่หลุดไปจะพยายามค้นหาอย่างเต็มกำลังความสามารถของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้ตัวจิงโจ้แดงเพศเมียตัวนี้กลับมา
ในเบื้องต้น สวนสัตว์เชียงใหม่ได้รายงานไปยัง องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรียบร้อย พร้อมได้รับการสั่งการให้ติดตามอย่างต่อเนื่องด้วยการทำงานที่ปลอดภัยและละเอียดรอบคอบต่อไป
ขณะที่สัตวแพทย์หญิงกรรณิกา จันทรังษี รักษาการหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยสุขภาพสัตว์ กล่าวว่า สำหรับจิงโจ้แดงนั้นเป็นสัตว์ที่พละกำลังแข็งแรงมาก พลังกล้ามเนื้อค่อนข้างสูง ระยะกระโดดจะกระโดดได้ไกล และไวมาก โดยจิงโจ้จะอยู่ในสถานการณ์ตื่นตกใจและเตลิดได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องใช้ความละมุนละม่อม หากพบตัวจะไม่แนะนำให้ไล่ ถ้าพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่กลับมา โดยทางเจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์เข้าไปดูแลทำงานให้ใกล้เข้ามากที่สุด โดยเจ้าหน้าที่วางแผนยิงยาสลบ ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ให้จิงโจ้แดงเตลิดที่สุด เพราะหากมีการใช้วิธีการอื่น อาจทำให้จิงโจ้แดงตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากระบบร่างกายของจิงโจ้แดงนั้นจะใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อ หากเกิดอาการตื่นตระหนกตกใจมากๆ จะทำให้ใช้พละกำลังมากจะทำให้กล้ามเนื้อสลาย ทำให้ไตและหัวใจทำงานหนัก อาจทำให้ระบบไตและหัวใจวายได้
ขณะที่นายภูพิชิต กล่าวว่า ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้มีการปูพรหมค้นหาอย่างต่อเนื่อง และพบร่องรอยของจิงโจ้แดงแล้วและตามรอยไปอยู่ตลอดโดยจะมีการใช้โดรนค้นหา พร้อมกันกับชุดลาดตระเวนให้เดินย้อนกลับมาด้วย พร้อมกันนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน และผู้นำชุมชน หากใครพบให้แจ้งมาได้ทันที เพราะหวั่นว่าปล่อยไว้นานจิงโจ้แดงอาจได้รับอันตรายจากสุนัขที่จ้องจะทำร้ายมันอยู่
สำหรับปจิงโจ้แดงนั้นปัจจุบันภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ มี 23 แบ่งเป็น เพศผู้ 3 ตัว เพศเมีย 15 ตัว ไม่ทราบเพศอีก 5 ตัว เนื่องจากเป็นรุ่นลูก สวนสัตว์เชียงใหม่สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้จำนวน 2-4 ตัวต่อปี
อย่างไรก็ตามหากใครพบเบาะแสจิงโจ้แดงนั้น สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์นายภูพิชิต089-5556444 และเบอร์นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ 081-5943547
Advertisement