อี้ แทนคุณ บุก พม. ยื่นหนังสือจี้ บำบัดครอบครัวเชื่อมจิต เปรียบเหมือนระเบิดเวลา ดึงสติแฟนคลับ ต้องหยุดลัทธินี้ เพราะกำลังก่ออาชญากรรมกับเด็ก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากกรณี น้องไนซ์ เชื่อมจิต วันนี้ตนมายื่นหนังสือให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และรวดเร็วมากขึ้น โดยทำหนังสือรวบรวมเอกสารที่ไปแจ้งความร้องทุกข์โทษไว้ เพราะตนเป็นตัวแทนผู้เสียหายที่ได้รับมอบอำนาจอย่างสมบูรณ์ และมีผู้เสียหายหลายทยอยติดต่อมา และยื่นคุ้มครองเด็ก
เราเห็นภาพบรรยากาศเมื่อวานนี้ที่ สน.ทองหล่อ ประชาชนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่พอใจ และไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีลักษณะยืดเยื้อเรื้อรังยาวนานมามากเกินไป และเห็นภาวะเด็กก็คือเด็ก ซึ่งพ่อแม่ควรหยุดยั้งพฤติกรรมนี้ ไม่ให้เป็นภัยต่อสังคมต่อไป ขอเตือนดึงสติคนที่ให้กำลังใจว่า สิ่งที่คุณกำลังทำนั้น กำลังทำร้ายเด็ก เด็กต้องได้รับความคุ้มครองจากครอบครัวที่มีปัญหาความไม่ปกติ ทั้งเรื่องการเลี้ยงดูและอาจจะนำไปไปถึงสวัสดิภาพทางจิตใจ หากเด็กมีสภาวะที่ในด้านหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาบำบัดโดยเร็วที่สุด ไม่ควรเอาเด็กไปเร่ หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม แม้จะอยู่กับผู้ปกครอง แต่พฤติกรรมของผู้ปกครองใช้เด็กเป็นโล่ห์ตลอดเวลา ซึ่งมันเจ็บปวดมาก
พอใครจะทำอะไร จะแยกตัวก็อ้างเด็กอ้างลูก ตลอดเวลาเอาลูกมาบัง ยกลูกขึ้นมากั้น เพื่อเอาผิดคนที่ถ่ายภาพ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนผิด และเป็นจุดเริ่มต้น ดังนั้นต้องแก้ปัญหาจบที่จุดเริ่มต้น ตนคิดว่าตอนนี้สถานการณ์งวดเข้ามาทุกทีแล้ว เราต้องช่วยกันเร่งและกระทบหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งตน
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า เมื่อวานเราเห็นภาพน้องตกใจกับเสียงคนโห่ไล่ ซึ่งความเป็นจริง ทุกคนเขารับไม่ได้ที่ครอบครัวหนึ่งจะเอาลูกมามาหาผลประโยชน์ และเป็นโล่ห์กำบังในการไล่ดำเนินคดีทางกฎหมายทางอาญากับคนอื่น
พ่อแม่กำลังละเมิดสิทธิเด็กอย่างหนึ่ง ที่หาผลประโยชน์ เอาเรื่องศาสนามาบังหน้าสร้างสตอรี่ที่ไม่มีอยู่จริงมากลบทับ ทำให้เด็กที่ควรจะอยู่ในโลกของเขาอย่างมีความสุข สนุกสนานตามวัย ต้องกลายเป็นสิ่งอื่น เป็นสิ่งที่แปลกของสังคมและกลายเป็นตัวตลก
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า ส่วนทนายความนั้น ตนเคยไปร้องมารยาททนายธรรมมราช ผ่านมา 6 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้ากับเรื่องนี้ เพราะดูจากพฤติกรรมการแนะนำสุดท้ายคนที่ต้องติดคุกก็คือพ่อแม่ และคนที่ต้องเสียใจเจ็บปวดที่สุดก็คือลูก เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พ่อแม่รังแกฉัน แต่การเป็นการฆาตกรรมที่เลือดเย็นที่สุด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องความเกลียดชังที่ต้องไล่แก้แค้นกัน แต่ทุกคนต้องการปกป้องเด็กคนหนึ่งที่ถูกพ่อแม่คอยกระทำ และทุกคนต้องช่วยหยุดพฤติกรรมนี้ หยุดลัทธินี้ คนที่ไปสนับสนุนการกระทำกำลังก่ออาชญากรรมกับเด็ก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแล้วเด็กจะอยู่อย่างไร กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ต้องเร่งจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แยกแม่ และแยกเด็ก เพื่อไปบำบัดทั้งครอบครัว หากขืนยังอยู่แบบนี้ต่อไป เด็กจะมีแต่เสีย ช้าเร็วเหมือนระเบิดเวลา
Advertisement