เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 พ.ย. บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรมและ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยนายอรรณพ บุญสว่าง หรือทนายเป้ง เข้าพบพนักงานสอบสวนบก.ป. เพื่อให้การเป็นพยานในกรณีที่นายธรรมราช สาระปัญญา หรือ ทนายธรรมราช บิดเบือนมติมหาเถรสมาคมที่ 424/2567
นายแทนคุณ ระบุว่า วันนี้ตนเดินทางมาให้การเพิ่มในกรณีที่ตนได้เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับทนายธรรมราช ไว้ เกี่ยวกับเรื่องของการบิดเบือนมติมหาเถระสมาคม 424 / 2567 ที่เคยตัดสินไปแล้วว่าการเชื่อมจิตไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก แต่ตัวทนายได้มีการบิดเบือน โดยโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก 3-4 ครั้ง จึงเห็นได้ว่าพฤติการณ์ชัดเจนว่าต้องการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หลักการสำคัญและหลักการปกครองของสำนักสงฆ์
ซึ่งศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพ คลิปหรือโพสต์ต่างๆของน้องวัย 8 ขวบ ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 67 แต่วันที่ 30 ก.ย. ทนายยังมีการนำรูปน้องวัย 8 ขวบออกมาเผยแพร่ จึงได้นำพยานหลักฐานมาให้พนักงานสอบสวนพิจารณา แต่ทนายคนดังกล่าวกลับมีการพูดกับสื่อว่า “ศาลไม่ได้สั่งห้ามผม”
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ตนได้มีการประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อยื่นเรื่องนี้ให้กับทาง พม.ตรวจสอบ เนื่องจากทาง พม.เป็นเจ้าภาพ ที่จะสามารถดำเนินคดีในเรื่องของการขัดคำสั่งของศาล และจะเป็นเจ้าภาพในการไปยื่นเรื่องที่สภาทนายด้วย
นายแทนคุณ ยังเปิดเรื่องใหม่อีกว่า ทนายคนดังกล่าว ได้ไปโน้มน้าวให้มีการโยมอุปัฏฐากลงทุนสถานปฎิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ที่อยู่ จ.น่าน ตนได้ตั้งข้อสงสัยว่า เงินบริจาคต่างๆที่เข้าไปมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มกระบวนการเชื่อมจิตด้วยหรือไม่ จึงได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ นำมาให้เจ้าที่ตำรวจตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้ยังอยากให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งตอนนี้จะมีการดำเนินคดีกับพระครูปลัดธีระ หรือ พระปีนเสา ให้ขยายผลในการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปราบปราม เนื่องจากเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม
ด้าน น.ส.ชลิดา กล่าวว่า ในส่วนของตน มาตามความคืบหน้าในประเด็นเรื่องที่ทนายคนดังกล่าว นำรถของลูกความไปจำนำ โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นการนำไปจำนำ แต่เป็นการกู้ยืมเงินแล้วนำทรัพย์ไปวาง โดยที่รถยังติดไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นเหมือนการแนะช่องทางให้ลูกความกระทำผิดกฎหมาย จึงนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงต้องปกปิดทรัพย์ดังกล่าว ยืนยันว่าขณะนี้ได้เตรียมเงินเพื่อไถ่ถอนรถคืนไว้แล้ว ขณะนี้จึงต้องการเห็นความชัดเจน จากทนายคนดังกล่าว ว่ามีรถคืนให้ลูกความจริงหรือไม่ ฉะนั้นจึงต้องขอให้ตำรวจช่วยติดตามความชัดเจนว่า รถคันดังกล่าวอยู่ที่ใดกันแน่ รถคันดังกล่าวถูกนำไปจำนำที่ใด หรือมีขบวนการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้หรือไม่
นอกจากนี้การที่ทนายคนดังกล่าว พูดผ่านไลฟ์สดว่า ลูกความซึ่งเป็นผู้เสียหายต้องการมาออกสื่อ เพื่อเรียกร้องให้นำรถคืนมาโดยไม่จ่ายเงินนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ เตรียมเงินไถ่ถอนรถไว้พร้อมแล้ว เพื่อนำรถไปคืนไฟแนนซ์ และจะได้นำบ้านออกจากการถูกบังคับคดียึดทรัพย์ พร้อมทิ้งท้ายว่า อย่าลีลา อย่าปิดบังซ่อนเร้นว่าทรัพย์อยู่ที่ใด อย่าอ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงิน อย่าเฉไฉใส่ร้ายลูกความตัวเอง เนื่องจากทางด้านลูกความมีพยานหลักฐานทุกอย่างพร้อมยืนยัน อย่าใช้ความเป็นนักกฎหมายขู่ไล่ฟ้องผู้อื่น.
Advertisement