ทนายเดชา โพสต์ พยานที่มหาสารคาม เริ่มพูดความจริง เชื่อตำรวจจะหาพยานหลักฐานเชื่อมโยง คดีเสี่ยต้นเสียชีวิตปริศนาได้เร็วๆ นี้
จากกรณีการเสียชีวิตของนาย พิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับไปหา น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด ภรรยา ที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม
กระทั่ง น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวของ เสี่ยต้น เข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เนื่องจากสงสัยการตายมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ จึงได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของพี่ชาย
จนในที่สุดตำรวจได้ออกหมายจับ น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด พร้อมกับพรรคพวกในข้อหาจ้างวานฆ่าในพื้นที่ สน.วังทองหลาง ส่วนการตายของเสี่ยต้นใน จ.มหาสารคามนั้น ตำรวจเชื่อว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงมัดตัวกลุ่มคนร้ายได้แน่นอน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดวันที่ 5 มิ.ย. 67 ทนายเดชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเพจ “ทนายคลายทุกข์” ว่า “พยานที่มหาสารคาม เริ่มพูดความจริง เชื่อว่าตำรวจจะหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงการตายของเสี่ยต้นได้เร็วๆ นี้ #เมียถูกกล่าวหาว่าฆ่าผัว”
พร้อมกันนี้ ทนายเดชายังได้คอมเมนต์ข้อความใต้โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า “#บทวิเคราะห์ทางกฎหมาย คดีเสี่ยต้น คดีนี้รายงานการสืบสวนของตำรวจรายงานว่า มีการวางแผนจากผู้จ้างวานฆ่า ซึ่งเป็นคนใกล้ตัว ทำให้เสียต้น ซึ่งเป็นสามีจึงไม่อาจป้องกันตัวได้ #คนจ้องกับคนป้องกันมันต่างกัน ถึงวันหนึ่งก็ต้องพลาดเมื่อภัยใกล้ตัวอยู่ในบ้านของตัวเอง”
“แนวทางการสืบสวนของตำรวจนั้น ทราบว่าเมียเป็นคนจ้างวานให้มือปืนมาฆ่าเสี่ยต้นโดยค่าจ้างประมาณ 300,000 บาทถึง 500,000 บาท โดยมีพยานหลักฐานชัดเจนเรื่องการโอนเงิน และคำซัดทอดของกลุ่มมือปืนซึ่งถูกจับได้แล้ว”
“ปัจจุบันได้มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพไปแล้ว 2 คน ในวันนี้ก็จะนำผู้จ้างวานฆ่าผู้ต้องหาที่ 1 และกลุ่มมือปืนอีก 2 คนไปส่งศาลอาญาในช่วงสายของวันนี้
พยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคลพยานแวดล้อมพยานเอกสารพยานนิติวิทยาศาสตร์ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และอื่นๆ สามารถเชื่อมโยงไปยังภรรยาของผู้ตายได้รายงานตำรวจกล่าวไว้”
“หลังจากนี้การสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งรับผิดชอบคดีที่มหาสารคามก็ได้มีการสอบปากคำพยานใหม่ซึ่งพยานเริ่มพูดความจริงแล้วครับ ทนายคลายทุกข์เชื่อว่าอีกไม่นาน ก็สามารถหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงจากวังทองหลางที่มีการลอบยิงหลังจากนั้นผู้จ้างวานได้มีการนัดหมายผู้ตายไปที่มหาสารคามและสุดท้ายผู้ตายถึงแก่ความตาย”
“ตำรวจกำลังพิสูจน์สาเหตุการตายที่มหาสารคาม และเอามาเชื่อมโยงว่าเป็นการกระทำของผู้จ้างวานคือผู้ต้องหาที่ 1 หรือไม่อย่างไร เร็วๆนี้ครับจะมีคำตอบ”
“ส่วนตำรวจที่มหาสารคามมีหน้าที่ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย แต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจจะถูกดำเนินคดีมาตรา 157 และอาจจะถูกสอบวินัยร้ายแรงได้ตามมา
เพราะเมื่อมีการตายผิดธรรมชาติ ตำรวจก็มีหน้าที่ต้องชันสูตรพลิกศพ ในคดีนี้กลับไม่ชันสูตรพลิกศพ ทำให้ผู้ตายขาดพยานหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงว่านายต้นตายเพราะเหตุใด”
Advertisement