พี่สาวหมิงเผยน้องเคยถูก แซน จับมัดมือมัดเท้าใช้มีดคัตเตอร์จี้คอ

พี่สาวหมิงเผย 2 สัปดาห์ก่อนน้องเคยถูก แซน จับมัดมือมัดเท้าใช้คัตเตอร์จี้คอ เพราะต้องการขอเลิกรา แต่สุดท้ายก็กลับมาคืนดีกัน ก่อนจะถูกฆาตกรรม

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ความคืบหน้ากรณี หนุ่ม 18 ฆ่าแฟนสาวห่อศพสภาพเปลือยกาย หมกป่าหญ้าข้างทางใต้ทางด่วน พื้นที่ ม.4 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี  ผู้ก่อเหตุคือ นายธนากรณ์ หรือ "แซน" อายุ 18 ปี หลังจากลงมือฆ่า นางสาววรัญญา หรือ "หมิ๊งหมิง" อายุ 18 ปี แฟนสาวนำศพไปทิ้งอำพรางแล้วกลับมาบ้าน  ก่อนพยายามกินยาเพื่อหวังฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่คนในครอบครัวมาพบเสียก่อน

วันนี้ ( 6 มิ.ย.67) ด้าน น.ส.จัมพ์ พี่สาวของผู้เสียชีวิต บอกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา น้องสาวตน ถูกนายธนากรณ์ทำร้ายร่างกาย จับมัดมือมัดเท้า เอามีดคัตเตอร์จี้คอ เพราะน้องสาวจะขอเลิกรา จนน้องสาวทักตนมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 12 พฤษภาคม บอกอยากจะกลับบ้าน ตนเอะใจจึงโทรไปหา ก่อนที่น้องจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง บอกว่าทะเลาะกับนายธนากรณ์เรื่องหึงหวง จนน้องขอเลิกลา แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอม ได้ก่อเหตุดังกล่าวพร้อมกับขู่อีกว่า หากจะเลิกก็ต้องตายจากกัน ตนจึงได้บอกน้องให้กลับบ้าน แต่ปรากฏว่าต่อมาทั้งคู่คืนดีกัน

ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ตนรับรู้พฤติกรรมของนายธนากรณ์ ที่ผ่านมาจึงได้พยายามติดต่อหาน้องสาวตลอด ครั้งล่าสุดเพิ่งคุยกันช่วงค่ำวันที่ 4 มิถุนายนก่อนจะเกิดเหตุ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติและไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ส่วนพฤติกรรมของนายธนากรณ์ ก็เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม จากที่เคยติดต่อตนทุกครั้งหลังมีปัญหากับน้องสาวเพื่อให้ช่วยเคลียร์ แต่หลังวันที่ 12 พฤษภาคม ผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยติดต่อมาเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุดูรักน้องสาวตัวเองมาก และไม่เคยมีพฤติกรรมรุนแรง

ส่วนตัวรับรู้ว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วย จากคดีเมื่อปี 2565 แต่ตนก็ไม่คิดว่าป่วยจริง เพราะเหมือนว่าผู้ก่อเหตุเอาอาการป่วยทางจิตมาเป็นข้ออ้างในคดี และที่ทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุอ้างว่า ผู้ก่อเหตุทานยามาตลอดนั้นก็ไม่จริง เพราะจากการคุยกับน้องสาว น้องสาวบอกว่าต้องบังคับให้ผู้ก่อเหตุทานยาตลอด เพราะไม่ยอมกิน

ซึ่งระหว่างที่น้องสาวคบหากับฝ่ายชาย ฝ่ายชายได้ทำการยืมเงินของน้องสาวไปจำนวน 17,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บของน้อง เพื่อนำไปสู้คดีเก่า เคยถามน้องสาวว่าได้ทวงคืนบ้างหรือไม่ แต่น้องบอกว่าทวงแต่คงไม่ได้คืนแล้ว.