เสียงแตรเป็นเหตุ! ชายขี่จยย.ฉุนกระบะบีบแตรใส่ ต่อยกันนัวจนหัวแตก

16 มิ.ย. 67

18:59 น.

404

แชร์

แพ้เสียงแตร! ชายขี่จยย.ฉุนขับกระบะบีบแตรใส่พร้อมกับตะโกนด่า ก่อนขี่รถตามปาดหน้าเคลียร์ปัญหา สุดท้ายเปิดศึกดวลหมัดกันชุลมุนจนหัวแตก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แท็กซี่หัวร้อน! ได้ยินเสียงแตร ลงมาชี้หน้าด่ากราดกลางถนน

วันที่ 16 มิถุนายน 2567 เวลา13.30น.ขณะที่ร.ต.อ.อภิมุข สุวพันธ์รองสว.(สอบสวน)สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรคดีจราจรได้รับแจ้งเหตุมีอุบัติเหตุรถกระบะเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนประอุทิศ ก่อนถึงวัดศรีคุณเมือง(วัดบ้านเหล่า)

หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบแต่เมื่อไปถึงพบว่าเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี กำลังช่วยกันปฐมพยาบาลนายเอกอนันต์ อายุ 47 ปีชาวจ.อุดรธานี มีแผลแตกที่กลางผากเลือดไหลเต็มใบหน้า ส่วนคู่กรณีชื่อนายอรรถพร อายุ 35 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบุรี ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ

สอบสวนทราบว่านายอรรถพร และภรรยาขับรถกระบะตู้ทึบ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี ส่วนนายเอกอนันต์ ขี่รถจักรยานยนต์ จะขี่ไปทางสวนสาธารณะหนองสิม ทั้งคู่ขี่สวนกันที่หน้าวัดศรีคุณเมือง จนเกือบจะเฉี่ยวชนกันนายอรรถพร จึงบีบแตรรถกระบะใส่และตะโกนด่านายเอกอนันต์ จึงขับวนกลับมาเพื่อเคลียร์ปัญหา และได้จอดรถทะเลาะวิวาทกันที่หน้าร้านอาหารอินเดีย จนประตูร้านอาหารพังเสียหาย โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดของคลินิกเสริมความงามฝั่งตรงข้ามบันทึกภาพเอาไว้ได้
นายเอกอนันต์ฯเล่าว่าตนมีบ้านพักอยู่ที่บ้านเดื่อ กำลังจะขี่จักรยานยนต์กลับ เมื่อมาถึงหน้าวัด ก็ขี่สวนทางกันตรงโค้ง ตนก็อยู่ในเลน เขาก็อยู่ในเลนแต่เขาก็บีบแตรใส่ และร้องตะโกนด่าตนด้วยความโมโห จึงขี่รถวนกลับมาขอเคลียร์ปัญหาว่า เขาด่าตนทำไม เมื่อจอดรถได้เขาก็เข้ามาทำร้ายตนก่อนทันที

ด้านนายอรรถพร เล่าว่าตนมีอาชีพค้าขาย มาจาก จ.หนองคาย จะเข้ามาทำธุระในตัวเมืองอุดรธานี เมื่อขับมาถึงหน้าวัด ที่เป็นทางโค้ ง คู่กรณีตีโค้งมาจนเกือบจะชนรถของตน ตนจึงชะลอและหักหลบด้วยความโมโห จึงบีบแตร และร้องตะโกนด่าเขาไป

จากนั้นคู่กรณี ก็ได้วนกลับมาหาเรื่องตนอีก เขามีท่าทียึกยักจะต่อยตน ตนโมโหจึงต้องต่อสู้กันเพื่อป้องกันตัวเองตนต่อยเขาไปหลายครั้ง แต่ก็โดนต่อยกลับมาหลายครั้งเช่นกัน

เบื้องต้นคู่กรณีทั้ง2ได้เดินทางไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองอุดรธานี โดยมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ทั้ง 2 คน แต่ไม่พบ

จากนั้นได้ให้ทั้ง 2 คน ไปตรวจร่างกายและหาสารแสพติดที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีเพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป