แถลงข่าวต่างชาติก่อคดี หนีซุกไทย
ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
วันที่ 18 มิถุนายน 2567 สตม. ได้แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1.บก.สส.สตม. ตามรวบหัวโจกแก๊งโคลอมเบียหนีคดีลักทรัพย์ซุกไทย เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2567 เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายร่วมกันลักทรัพย์ข้านนักธุรกิจหลังหนึ่งกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้ทรัพย์สินไปมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเชีย สืบทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 8 คน แบ่งหน้าที่กันทำและตามจับกุมได้แล้ว 7 คน เหลืออีก 1 คน เชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการคือ Mr.Lopez (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติกัวเตมาลา คาดว่าหลบหนีเข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันสืบสวนหาตัว ต่อมา ตม.จว.สงขลา สืบสวนพบว่า Mr.Lopez ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จว.สงขลา เพื่อหายานพาหนะเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯ เตรียมหลบหนีต่อไปประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติ จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ทราบเพื่อประสานข้อมูลไปยัง พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.2 บก.สส.สตม. สืบหาตัว Mr.Lopez จนกระทั่งทราบว่ามาพักที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งผ่านสุขุมวิท จึงวางกำลังเฝ้าอยู่รอบบริเวณ จนกระทั่ง Mr.Lopez ปรากฎตัวบริเวณหน้าโรงแรมจึงได้แสดงตัวจับกุมพร้อมขยายผลตรวจสอบภายในห้องพักพบสร้อยคอ กำไร เครื่องประดับ แหวน จำนวน 6 ชิ้น เชื่อว่าอาจเป็นทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมมา จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ จากการสอบถาม Mr.Lopez ให้การว่าตนเองมีชื่อจริงว่า Mr.Migue (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติโคลอมเบีย โดยไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด เบื้องต้น Mr.Lopez หรือ Mr.Miguel ไม่ให้การใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีข้อมูลว่า บุคคลนี้เคยร่วมกับพวกสัญชาติเดียวกันก่อเหตุเช่ารถตระเวนลักทรัพย์ที่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้ลงบันทึกข้อมูลประวัติไว้ในบัญชีบุคคลเฝ้าระวังของ สตม.แล้ว เบื้องต้นได้จับกุมดำเนินคดี Mr.Miguel (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติโคลอมบีย โดยกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าทางเข้าล็อบบี้โรงแรมในซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ และเมื่อคดีสิ้นสุดจะส่งตัวให้ กก.3 บก.สส.สตม. กักตัวไว้เพื่อรอดำเนินการตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
2.ปฏิบัติการสยบนักค้ายาต่างชาติในพื้นที่สมุย ลักลอบค้าโคเคน ตั้งนอมินีธุรกิจเช่ารถบังหน้ามาหลายปี ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ ป.ป.ส.ภ.8 และ สภ.บ่อผุด จับกุม นายแมตติโอ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติอิตาลี โดยกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) นำตัวส่งพนักงนสอบสวน สภ.บ่อผุด จว.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนนสายเรียบหาดละไม ม.3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี ก่อนการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ว่ามีชายชาวต่างชาติสัญชาติอิตาลี มีพฤติการณ์นำยาเสพติดประเภทโคเคนมาจำหน่ายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวสายปาร์ตี้และบาร์ชาวต่างชาติ สอดคล้องกับรายงานในทางลับของ ป.ป.ส. ว่ามีการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้ยาสพติดได้ระบาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยรูปแบบการจำหน่ายใช้วิธีการจำหน่ายโดยตรงระหว่างชาวต่างชาติด้วยกัน ซึ่งผู้จำหน่ายยาเสพติดมักเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาพำนักในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน รู้จักพื้นที่และแหล่งเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชอบไปเที่ยวในยามค่ำคืน เจ้าหน้าที่ร่วมกันทำการสืบสวนเรื่อยมาเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งทราบตัวผู้กระทำความผิดว่าชื่อนายแมตติโอ จึงได้บูรณาการกำลังวางแผนเข้าทำการจับกุมโดยให้สายลับเป็นผู้ติดต่อขอซื้อยาเสพติด (โคเคน) จากนายแมตติโอ จำนวน 25 กรัม ราคากรัมละ 2,500 บาท เป็นเงินจำนวน 62,500 บาท ต่อมาสายลับได้นัดเวลาการส่งมอบยาเสพติดตามที่ได้ติดต่อขอซื้อจากนายแมตติโอ ที่บริเวณบาร์แห่งหนึ่ง ถนนเลียบหาดละไม ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี เมื่อถึงเวลานัดหมายนายแมตติโอ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาทางด้านหลังบาร์ดังกล่าว และได้เดินเข้าในบริเวณด้านหลังร้าน เมื่อส่งมอบยาเสพติดให้แก่สายลับเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม นายแมตติโอ ไหวตัววิ่งไปขี่มอเตอร์ไซด์หนีออกไป เจ้าหน้าที่จึงได้กระโดดขวางรถมอเตอร์ไชด์และควบคุมตัวไว้ได้ทัน พร้อมขอตรวจค้นตัวนายแมตติโอ พบธนบัตรที่ใช้สำหรับขอซื้ออยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า และพบยาเสพติด (โคเคน) อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังขวา และยังพบยาเสพติด (โคเคน) ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงในของนายแมตติโอ ขณะจับกุมทั้งหมดรวมน้ำหนัก 31 กรัม จากนั้นได้นำตัวนายแมตติโอไปตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 105/23 ม.3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นร้านธุรกิจให้เช่ารถมอเตอไซด์ชื่อบริษัท วาสนา มอเตอร์ไบท์ จำกัด ของนายแมตติโอ พบรถจักรยานยนต์สำหรัลให้เช่าจำนวนมาก จึงได้ทำกรยึดและอายัดทรัพย์สินนำส่ง สำนักงาน ป.ป.ส.ภ.8 เพื่อดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ดังนี้
ช
จากนั้น ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของนายแมตติโอ ในเชิงลึกจนพบว่าถือครองบริษัทวาสนา มอเตอร์ไบท์ จำกัด โดยมี นายแมตติโอ, น.ส.วาสนา (สงวนนามสกุล) และนางจิรวรรณ (สงวนนามสกุล) เข้าร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 51 ต่อ 49 เปอร์เซ็ต์ ซึ่งเมื่อตรจสอบเอกสารหลักฐานการลงทุน พยานเอกสารและหลักฐานอื่นรวมทั้งสอบถ้อยคำแล้วพบว่าบุคคลสัญชาติไทยทั้ง 2 ราย ไม่ได้นำเงินเข้าร่วมในธุรกิจดังกล่าวและไม่ทราบถึงการดำเนินการในธุรกิจดังกล่าวเลย โดยได้รับการร้องขอจากนายแมตติโอ ให้ช่วยเหลือเอาชื่อมาใส่ในนามผู้ถือหุ้นเพื่อให้ตนเองได้ประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมดเป็นของนายแมตติโอ และนายแมตติโอ เป็นผู้รับผลกำไรแต่เพียงผู้เดียว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.วาสนา ในฐานความผิด เป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้ดำเนินคดีกับนายแมตติโอ ในฐานความผิด เป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อให้ตนประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
จากพฤติการณ์ดังกล่าวนายแมตติโอ ได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรแต่งงานกับภรรยาชาวไทย โดยเปิดกิจการเช่ารถมอเตอร์ซด์บังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าตนเองมีกิจการเป็นที่มั่นคง ปิดบังอำพรางการได้มาซึ่งทรัพย์สินจากการขายยาเสพติด ซึ่งจากการสอบถามนายแมตติโอ ให้ข้อมูลว่าได้ติดต่อขอซื้อยาเสพติดมาจากกลุ่มคนต่างชาติด้วยกันแล้วนำมาแบ่งขายหรือที่ภาษาในหมู่นักขายยาใช้คำว่า "จอยส์" ขายให้กับคนต่างชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน และได้ให้ข้อมูลกลุ่มคนต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปสู่ต้นทางของยาเสพติดที่ระบาดในหมู่นักท่องเที่ยวต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยหากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด รุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ ww.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
Advertisement