สาวร้องเอาผิดหนุ่มไฮโซแฟนเก่า ทำร้ายร่างกายนานกว่า 1 ปี อ้างป่วยควบคุมตัวเองได้ไม่ได้ ขณะที่ครอบครัวฝ่ายชายขู่ห้ามแจ้งความ
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พานางสาวคิว อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย มาติดตามความคืบหน้าทางคดีที่สน.มักกะสัน หลังถูกแฟนหนุ่มไฮโซ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางสาวคิว เล่าให้ฟังว่า ตนคบหากับนายชีพ อายุ 26 ปี มาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี ตนถูกอดีตแฟนทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ทั้งจิกหัว ตบหน้า ต่อยตี ซึ่งตนเคยพาอดีตแฟนไปรักษาแล้ว แพทย์ก็ระบุความเห็นว่า เป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง และทุกครั้งที่อดีตแฟนทำร้ายร่างกาย ก็มักจะอ้างว่า ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่พอได้สติก็จะมากราบเท้าขอโทษ พยายามง้อที่จะขอคืนดี ซึ่งนางสาวคิว ก็ใจอ่อนที่จะให้อภัยมาทุกครั้ง โดยอดีตแฟนอ้างว่า ตนไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว และเมื่อตอนเด็กก็เห็นว่าพ่อแม่ของตนใช้ความรุนแรงมาโดยตลอด ทำให้ตนคิดว่าการลงมือทำร้ายร่างกายคือวิธีการแก้ปัญหา
ซึ่งที่ผ่านมานางสาวคิว พยายามอดทนมาตลอดระยะเวลา 1 ปี โดยทุกครั้งที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก็จะมีรอยฟกช้ำจนทำให้ใครหลายคนมาสอบถามเธอว่าไปโดนอะไรมา ซึ่งเธอก็ได้แต่อ้างไปว่า สะดุดล้มหรือประสบอุบัติเหตุเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมามองว่าอดีตแฟนของตนเป็นคนไม่ดี
กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนทนพฤติกรรมความรุนแรงไม่ไหว จึงเลือกที่จะขอยุติความสัมพันธ์ ทำให้นายชีพ รู้สึกโมโหจึงลงมือทำร้ายร่างกายตนอย่างหนัก ทั้งตบหน้า บีบคอ เตะ ต่อย จนทำให้แขนซ้ายหัก อีกทั้งยังขว้างปากรรไกรมาหาเธอ เคราะห์ดีที่ไม่โดน
หลังเกิดเรื่องเธอได้แจ้งให้ครอบครัวฝ่ายชายทราบ แต่ครอบครัวฝ่ายชาย ก็บอกว่าเป็นเรื่องปกติที่จะกระทบกระทั่งกัน พร้อมกับขู่ว่าถ้าหากเธอไปแจ้งความ ก็จะใช้เส้นสายแจ้งความกลับเช่นเดียวกัน ทำให้เธอรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับผู้เสียหาย ก็รู้สึกเห็นใจทั้งสองฝ่าย เพราะทราบมาว่าทางฝ่ายชายเองเห็นพฤติกรรมความรุนแรงในครอบครัวมาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่ผู้ชายทำนั้นไม่ถูกต้อง และด้วยความที่ครอบครัวฝ่ายชายเป็นไฮโซและอ้างว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโต จึงทำให้ผู้เสียหายกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้ตนต้องเข้ามาช่วยเหลือในเคสนี้ เพราะตนมองว่า ทุกคนควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ถัดมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นายชีพและพ่อ ได้เดินทางมาขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย โดยพ่อของนายชีพ ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษนางสาวคิว
ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลยินดีช่วยเหลือทั้งหมด อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าเลี้ยงลูกมาอย่างดี และรับรู้ว่าลูกเป็นคนอย่างไร ”ขอโทษ จากใจจริง“
ขณะที่นายชีพ กล่าวสั้นๆว่า "ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับเสียใจทําไปด้วยอารมณ์พร้อมยอมรับผิดทุกอย่าง และยืนยันว่าหลังจากนี้จะต่างคนต่างอยู่"
Advertisement