ทนายแก้ว เเนะนำลูกบ้านไปเเจ้งความ ต้องสู้ เอก สายเต๊าะ แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หลังตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ควรอยู่พื้นที่ทจำกัด ไม่ใช่ออกมาสร้างความเดือดร้อน
วันที่ 20 ก.ค. 67 ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้กฎหมายสภาทนายความ เปิดเผยถึงกรณี นาย เอกรัฐ ขุนพรม หรือ เอก สายเต๊าะ อายุ 42 ปี ว่า เหตุการณ์ตอนนั้นตนถูกสังคมโจมตีด่าทอหนักมาก หาว่าตนไม่ยอมให้ความเป็นธรรมกับนายเอก ซึ่งยืนยันว่าตอนนั้นในรายการสด ตนก็พยายามจะให้ความเป็นธรรมเเล้ว เเละตอนนั้นตนก็ไม่อยากจะถือสากับพฤติกรรมของเขา จึงได้ออกมาโพสต์ขอโทษไป
เเต่ที่ผ่านมาดูแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้เข็ดหลาบ แสดงความก้าวร้าวเเละกระทำซ้ำๆ ห้าวมาก เอารถไปจอดขวางทางเข้าออกของหมู่บ้าน ซึ่งตนก็ได้แนะนำลูกบ้านไปแล้วว่าหากมีการกระทำความผิดซ้ำอีกก็ให้แจ้งความได้เรื่อยๆ เพราะต้องสู้กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แม้ว่าบางข้อหาโทษจะเบา เเต่ตอนนี้ข้อหากระจายไปเรื่อย ไม่ว่าจะนำเอาข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบ เอามีดดาบมาเดินถือเเละไลฟ์สดในหมู่บ้าน โทษเเรง ในกรณีของการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ มีเเค่โทษปรับ เเต่ข้อหาพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดูหมิ่นซึ่งหน้า ก็มีโทษหนัก จำคุกไม่เกิน 1 เกิน 1 เดือน
ทนายแก้ว กล่าวต่อว่า โดยกรณีของคุณเเอมที่ถูกขับรถถอยชนรั้วบ้าน เมื่อช่วงต้นปีมีการมาออกรายการเเละถูกสังคมรุมด่าเหมือนกันหาว่า ประตูทำมาจากทองคำเหรอ ซึ่งในตอนนั้นก็มีการเรียกมาคุยกันเเล้ว โดยทางนิติน่าจะเป็นคนรับผิดชอบซ่อมประตูให้ โดยที่นายเอก ไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย ส่วนรถที่เสียหายประกันก็ดำเนินการให้ คดีอาญาเลยยังมีอยู่ เป็นข้อหาทำให้เสียทรัพย์ มีโทษ 3 ปี ปรับ 60,000 บาท ส่วนประเด็นที่นายเอกมาขู่คุกคามคุณแอมให้ถอนฟ้อง โดยมีการเอาภาพบ้านคุณเเอมไปโพสต์ว่าจะโกงเงินเขา 50,000 บาท ถือว่าเป็น คดีพ.ร.บ.คอมฯ เรื่องนี้ ตำรวจ สน.ดอนเมืองอยู่ระหว่างออกหมายเรียกผู้ต้องหา ส่วนเรื่องที่มาข่มขู่คุกคาม คุณเเอมก็จะไปเเจ้งความเพิ่ม ข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว
ทนายแก้ว กล่าวอีกว่า ตนจึงอยากจะฝากถึงนายเอกว่า เขาไม่เคยโทษตัวเองเลยมีแต่โทษคนอื่น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรผิดเลย วันที่ตนไปออกรายการโทรทัศน์ นายเอกนึกว่าจะทำอะไรก็ทำ โวยวายขึ้นมา อยากเดินก็เดิน กินน้ำ ถอดเสื้อ ไม่มีมารยาท เป็นคนที่ควรจะอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดไม่ใช่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เพราะคนอื่นเขาย้ายบ้านหนีไม่ได้ โดยลูกบ้านคนอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนก็สามารถไปเเจ้งความได้เหมือนกัน เป็นคนๆ เดียวทำให้คนอื่นๆ เดือดร้อน
โดยตนเเนะนำไปอีกว่า ปกติเเล้วบ้านขายไปแล้วก็จะไม่สามารถเอาคืน หรือไล่เขาออกได้ เเต่ลูกบ้านคนอื่นๆ สามารถไปร้องเรียนศาลแพ่งให้มีคำสั่งห้ามกระทำการ เช่น ห้ามก่อความวุ่นวาย ห้ามออกจากบ้านในเวลากลางคืน เป็นต้น
Advertisement