"นาซู" หญิงจีน สารภาพเป็นเพียงผู้ประสานรับงานจากบ.ในฮ่องกง ขึ้นป้ายชวนชื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ คุยทางไลน์ ได้รับค่าจ้าง 1.7 หมื่น
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. บูรณาการร่วม เชิญตัว น.ส.นาซู ชาวจีน จากคอนโดย่านห้วยขวาง สอบปากคำที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังพบว่าเป็นผู้ว่าจ้างร้านทำป้าย และให้ติดตั้ง ขึ้นป้ายโฆษณาชวนชื่อพาสปอร์ตย้ายประเทศ
มีรายงานว่าน.ส.นาซู ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า รับงานมาจากบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยติดต่อรู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชันของจีน และแอดไลน์ติดต่อกัน
โดยในส่วนค่าดำเนินการค่าจ้างเช่าติดป้ายรายเดือน 150,000 บาท ค่าทำป้าย 60,000 บาท ซึ่งตนได้ค่าจ้างเป็นตัวประสาน ป้ายละ 500 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 17,000 บาท ส่วนบริษัทที่ว่าจ้างตนเองไม่ทราบชื่อ มีเพียงไลน์ที่ใช้ในการติดต่อ ซึ่งเป็นไลน์ของคนที่มีรูปปรากฎบนป้าย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว ทำงานโดย ไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังจากนี้ทางสืบนครบาลและสืบสตม อยู่ระหว่างขยายผลเร่งรัดหาตัวผู้ว่าจ้างต่อไป
ขณะที่นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตห้วยขวาง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าป้ายดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารฉบับที่ 55 พ.ศ.2553 มาตรา 66 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 10 11 และ 12 ต้องแสดงข้อความและภาพที่ไม่ขัดความเรียบร้อยของบ้านเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเขตห้วยขวางได้ส่งผู้เชี่ยวชาญภาษาจีน เข้ามาดำเนินการแปลข้อความ เพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดีเอาผิด
ส่วนเรื่องการเสียภาษีป้าย ทางเขตสามารถดำเนินการเรียกเก็บภาษี โดยจะคำนวณภาษีจากขนาดของป้าย 50 บาทต่อตารางเซนติเมตร รวมเป็นเงินประมาณ 160,000 ต่อปี แต่กรณีนี้สามารถเรียกเก็บภาษีได้ครึ่งหนึ่ง คือ 84,000 บาท เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเพิ่งมีการดำเนินการติดตั้งเพียง 2 วัน
โดยหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบสภาพอาคาร รวมถึงโครงสร้างของป้ายดังกล่าวว่ามีความสมบูรณ์แข็งแรงมากน้อยเพียงใด หากไม่สมบูรณ์ ก็ไม่สามารถที่จะติดตั้งโฆษณาได้ เบื้องต้นพบว่าอาคารแห่งนี้เป็นการลักลอบติดตั้งป้าย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม หลังจากได้รับแจ้งข้อมูลทางเขตก็เร่งดำเนินการทันที และหลังจากนี้ทางเขตฯจะเข้มงวด ตรวจสอบป้ายลักษณะนี้ในพื้นที่ซึ่งมีอยู่ประมาณ 153 ป้าย ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่สังกัดของสำนักงานเขตห้วยขวางเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีการทุจริตอย่างแน่นอน เพราะป้ายติดตั้งวันที่ 20 เจ้าหน้าที่รับทราบวันที่ 21 เเละป้ายถูกปลดวันที่ 22 ซึ่งหลังจากรับทราบทางสำนักงานเขตเตรียมจะดำเนินการอยู่เเล้ว เเต่มีคนถ่ายไปเผยเเพร่ทางโซเชียลก่อน ยืนยันไม่ๅด้ปล่อยปะละเลย เเละการดำเนินการเรียกเก็บภาษีทุกอย่างเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ ซึ่งทางเขตได้เงินจากภาษีป้าย เป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร
โดยขณะนี้ทางเขตได้เรียกเจ้าของอาคารมาดำเนินการเปรียบเทียบปรับ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารฉบับที่ 55 พ.ศ.2553 มาตรา 66 ส่วนผู้ผลิตป้าย พบว่าเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเป็นคนไทย จะต้องมาเสียภาษีภายใน 15 วันหลังจากนี้
สำหรับประเด็นการโฆษณาซื้อขายสัญชาติหรือพาสปอร์ตนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการพิสูจน์ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เบื้องต้นพบข้อมูลในป้ายไม่ได้มีการประกาศซื้อขายสัญชาติไทย โดยพบว่าบริษัทที่ว่าจ้างนั้นมีเจ้าของเป็นชาวสิงคโปร์ แต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีตามกฏหมายได้ เพราะต้องรอตำรวจตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
Advertisement