อุดรรัวกลองไชโย! "ภูพระบาท" มรดกโลกแห่งใหม่ เผยอัศจรรย์รับข่าวดี

คนอุดรไชโย! ผู้ว่าฯอุดร รัวกลองดีใจ หลังยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกโลก “อุทยานภูพระบาท” เผยอัศจรรย์ หลังทราบข่าวดีฝนโปรยเหมือนน้ำมนต์ทั่วจังหวัด

คอนเทนต์แนะนำ

เปิดใจ น้องเฟิร์น นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศออกแบบโลโก้ "หมูเด้ง"

"ใหม่ ดาวิกา" ไม่ทน! ฟ้องคนด่าแรง เอาเงินมาช่วยเหลือสัตว์

ตำนาน นางนพมาศ จากพิธี "จองเปรียง" สมัยสุโขทัย สู่ประเพณี "ลอยกระทง"

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจ.อุดรธานี พร้อมส่วนราชการ ภาคเอกชนภาคประชาชนร่วมกิจกรรมส่งกำลังใจให้ “ภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี”อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยทุกคนมารวมตัวลุ้นตั้งแต่ 09.00น.ที่ผ่านมา โดยทางจังหวัด จัดนิทรรศการและวิดีทัศน์ “ภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี”และ“อารยธรรมบ้านเชียงมรดกโลก”จัดเวทีการแสดงดนตรี,ดนตรี-การแสดงพื้นบ้าน โดยติดตั้งจอ LED เพื่อรอสัญญาการถ่ายสดการประชุมผ่านเว็บไซต์ของมรดกโลกและกรมศิลปากรเวลา11.30น.ซึ่งการพิจารณา“ภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี”ได้เลื่อนจากลำดับที่ 6 มาเป็นลำดับที่ 3 ท่ามกลางบรรยากาศของความห่วงใยจะเกิด“พายุฝน”เมื่อเมฆฝนเคลื่อนผ่านบริเวณจัดงานและมีบางจังหวะมีละอองฝนและลมพัดมาเป็นระยะๆ

จนถึงช่วงที่วาระการพิจารณานายวันชัยคงเกษมผู้ว่าราชการจ.อุดรธานีนำผู้ร่วมกิจกรรมมาหน้าจอ LED เพื่อชมบรรยากาศอย่างใกล้ชิด โดยนายวันชัย ยืนรอยู่หน้ากลองกริ่ง 2 ใบ เมื่อถึงวินาทีที่ ประกาศขึ้นทะเบียน “ภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี”เป็นมรดกโลกแล้ว นายวันชัยฯได้ใช้ไม้รัวตีกลองกริ่งผู้มาร่วมงานโบกธงและไชโยโห่ร้องขณะที่ประชาชนและนางรำได้ร่วมกันออกมาฟ้อนรำไปรอบๆ ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกและร่วมกับถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงพระเจริญทรงพระเจริญทรงพระเจริญ

นายวันชัย คงเกษมผู้ว่าราชการจ.อุดรธานีกล่าวว่าในนามประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานีขอขอบคุณคณะกรรมการมรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาอย่างยิ่งที่เล็งเห็นคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทและมีมติขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในวันนี้ขอบคุณหน่วยงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ร่วมผลักด้นและส่งเสริมให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย

ชาวจังหวัดอุดรธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภูพระบาทได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่2ของจังหวัดอุดรธานีการขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและรักษาสถานที่อันทรงคุณค่าแห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้เป็นสมบัติอันล้ำค่าไม่เพียงแต่ต่อคนทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเพื่อคนรุ่นหลังต่อไปชาวจังหวัดอุดรธานีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับทุกท่านในการเยี่ยมเยื่อนแหล่งมรดกโลกภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดีจังหวัดเดียวเที่ยว2มรดกโลก

เบื้องต้น ทางจังหวัดยังไม่ได้กำหนดว่าวันจัดงานเฉลิมฉลองวันไหน รอหารือกับเจ้าของสถานที่คืออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท  ซึ่งอุดรธานีมีศักยภาพสมารถรับนักเท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวชมมรดกโลกทั้งของแหล่ง

เป็นที่น่าสังเกตุว่า หลังผู้ว่าฯ ให้สัมภาษณ์เรียบร้อย อยู่ๆ ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งนายวันชัย ผู้ว่าฯ ออกปากว่า “มีน้ำมนต์มาประพรมให้ชาวอุดรธานีหลังจากได้รับข่าวดี”

นายพรพจน์ จันทร์สว่าง อายุ 61 ปี ชาวบ้านตำบลบ้านขาวอ.เมืองอุดรธานีบอกว่าในฐานะตนเป็นคนจังหวัดอุดรธานีก็รู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมากที่จะมีแหล่งมรดกโลกเพิ่มอีกหนึ่งแห่งอยู่ในอำเภอบ้านผือจั งหวัดอุดรธานี ต่อจากมรดกโลกบ้านเชียงอำเภอหนองหาน ซึ่งทางอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมานานเกิน10ปี โดยทางจังหวัดอุดรธานีกับรัฐบาล ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ขอเป็นมรดกโลก ตนคิดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งและอีกสถานที่หนึ่งที่น่าไปเที่ยวศึกษาและยังเป็นหน้าตาเชิดชูของจังหวัดอุดรธานีโดยอุทยานภูพระบาทเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณวัตถุอารยวัฒนธรรมซึ่งเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ตนก็อยากเชิญชวนมาเที่ยวแหล่งมรดกโลกใหม่ของจังหวัดอุดรธานีทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มาศึกษาดูถึงประวัติศาสตร์ของอุทยานภูพระบาท

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทแจ้งว่าเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ ทางอธิบดีกรมศิลปากรอาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นสำหรับโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพ.ศ.2551จึงเปิดให้บริการและงดเก็บค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคม 2567

ขอขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊กอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท