สั่งขัง 2 ทหารชั้นประทวน 45 วัน งดบำเหน็จ ปมซ้อมพลทหาร ฐานนอแล เชียงใหม่ หนักปางตาย แถมสั่งแก้ผ้ายืนตากฝน นาน 6 ชม.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ส.ค. 67 พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในเพจเฟซบุ๊ก “Survive - สายไหมต้องรอด” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 กรณีมีผู้แจ้งว่าพลทหารในสังกัดกองพันทหารม้าที่ 25 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ถูกลงโทษอย่างไม่เหมาะสมในหน่วยฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่นั้น กองทัพบกได้สั่งการเร่งด่วนไปยังหน่วยต้นสังกัดให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว
ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานผลการสอบสวนแล้ว ดังนี้ เหตุการณ์ที่ปรากฎภาพทหารถูกลงโทษ เป็นเหตุการณ์เมื่อ 5 มี.ค. 67 โดยนายทหารชั้นประทวน 2 นาย ได้เรียกรวมกำลังพลทหารกองประจำการ และทำการลงโทษทหารเป็นส่วนรวม พร้อมกับให้มีการถอดเสื้อผ้า เนื่องจากพบว่ามีกำลังพลกระทำผิดวินัยทหารโดยมีการลักลอบออกจากฐานปฏิบัติการ และมีปัญหาเรื่องชู้สาวกับประชาชนในพื้นที่
พ.อ.ริชฌา กล่าวต่อว่า อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 1 ส.ค.67 นายทหารชั้นประทวน 2 นาย (คนเดิม)ได้มีการเรียกอบรมทหารกองประจำการ พร้อมทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดเป็นส่วนรวม ในระหว่างทำการตรวจมีทหารกองประจำการ 1 นายได้แสดงอาการไม่พอใจ และ 1 นาย มีอาการปัสสาวะไม่ออก นายทหารชั้นประทวน 2 นาย ซึ่งเป็นผู้ควบคุม จึงได้ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับทหาร 2 นายดังกล่าว สำหรับผลการตรวจสารเสพติดนั้นกำลังพลทุกนายตรวจไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
จากการกระทำทั้ง 2 เหตุการณ์ข้างต้น ถือเป็นการลงโทษกำลังพลเกินกว่าเหตุที่ขัดต่อวินัยทหารอย่างชัดเจน และเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ได้มอบหมายให้กำกับดูแลกำลังพลในฐานปฏิบัติการให้เรียบร้อยด้วยความยุติธรรม จากผลการสอบสวนทางหน่วยต้นสังกัดได้พิจารณาลงโทษ กำลังพลนายทหารประทวนทั้ง 2 นาย ให้ส่งตัวกลับหน่วยที่ตั้งปกติ และจำขังในเรือนจำทหารเป็นเวลา 45 วัน พร้อมทำการงดบำเหน็จ ในส่วนผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ได้แก่ ผู้บังคับกองร้อย และผู้บังคับกองพัน ให้กักบริเวณพร้อมฝึกวินัยเป็นเวลา 15 วัน
ทั้งนี้กองทัพบกได้ให้ความสำคัญและกำกับดูแลหน่วยทหารในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นอกจากจะต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยที่เข้มงวดแล้ว ยังต้องใช้ทักษะในการปกครองบังคับบัญชาและดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้เกิดความเรียบร้อย ซึ่งปัจจุบันได้มีสั่งการเน้นย้ำไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นได้อีก
Advertisement